องค์การจัดการน้ำเสีย กระทรวงมหาดไทย
ข่าวสารจากองค์กร
อัพเดทล่าสุด

วันที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2568 คณะเจ้าหน้าที่ เเละอาสาสมัครท้องถิ่นรักษ์โลก (อถล.) จากองค์การบริหารส่วนจังหวัดกาญจนบุรี จำนวน 200 คน เข้าเยี่ยมชมระบบบำบัดน้ำเสีย ณ พื้นที่ศูนย์บริหารจัดการคุณภาพน้ำ เเละศูนย์การเรียนรู้ อุทยานสิ่งแวดล้อมนานาชาติสิรินธร จังหวัดเพชรบุรี

วันที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2568 เวลา 10.00 – 10.30 น. คณะเจ้าหน้าที่ เเละอาสาสมัครท้องถิ่นรักษ์โลก (อถล.) จากองค์การบริหารส่วนจังหวัดกาญจนบุรี จำนวน 200 คน เข้าเยี่ยมชมระบบบำบัดน้ำเสีย โดยแบ่งเป็น 2 รอบ รอบละ 100 คน ณ พื้นที่ศูนย์บริหารจัดการคุณภาพน้ำ เเละศูนย์การเรียนรู้ อุทยานสิ่งแวดล้อมนานาชาติสิรินธร จังหวัดเพชรบุรี

อ่านรายละเอียด

นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (มท.2) ห่วงผู้ปฎิบัติหน้าที่มอบชุด PPE และหน้ากากอนามัย ให้หน่วยแพทย์ฉุกเฉิน 1669 อบจ.สงขลา พร้อมขอความร่วมมือทุกฝ่าย สนับสนุนการทำงานของเจ้าหน้าที่สาธารณสุข เพื่อป้องกันและควบคุมสถานการณ์ COVID-19

นิพนธ์ ห่วงผู้ปฎิบัติหน้าที่มอบชุด PPE และหน้ากากอนามัย ให้หน่วยแพทย์ฉุกเฉิน 1669 อบจ.สงขลา พร้อมขอความร่วมมือทุกฝ่าย สนับสนุนการทำงานของเจ้าหน้าที่สาธารณสุข เพื่อป้องกันและควบคุมสถานการณ์ COVID-19 เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2564 นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้เดินทางไปมอบชุด PPE และหน้ากากอนามัยให้แก่ศูนย์ปฏิบัติการการแพทย์ฉุกเฉิน(1669) ขององค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา เพื่อแจกจ่ายให้หน่วยแพทย์ฉุกเฉิน โดยมีนายไพเจน มากสุวรรณ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา นายชัยวุฒิ ผ่องแผ้ว รองนายก อบจ.สงขลา นายประพันธ์ ศรีสุวรรณ ปลัด อบจ.สงขลา นายนิพัฒน์ อุดมอักษร เลขานุการนายก อบจ.สงขลา นางสาวปรินดา ปาลาเร่ เลขานุการนายก อบจ.สงขลา และข้าราชการในสังกัด อบจ.สงขลาให้การต้อนรับ พร้อมกันนี้ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้เข้าตรวจเยี่ยมการปฏิบัติหน้าที่ของศูนย์ปฏิบัติการการแพทย์ฉุกเฉิน (1669) ขององค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลาอีกด้วย รมช.มท. กล่าวว่า “วันนี้เป็นการนำชุด PPE และหน้ากากอนามัย มามอบให้กับศูนย์ปฏิบัติการการแพทย์ฉุกเฉินขององค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา ซึ่งถือว่าเป็นหน่วยงานที่ดูแลระบบการแพทย์ฉุกเฉินของสงขลาทั้งจังหวัด ฉะนั้นถือว่า หน่วยการแพทย์ฉุกเฉิน1669 เป็นผู้ปฏิบัติที่ต้องเผชิญภัยความเสี่ยงในการเข้าช่วยเหลือพี่น้องประชาชน และทำให้บุคลากรเหล่านี้ต้องมีความเสี่ยงในการช่วยเหลือมากกว่าปกติ เพราะไม่สามารถรู้ได้ว่าคนที่เราเข้าไปช่วยเหลือนั้นเป็นผู้ที่ได้รับเชื้อหรือไม่อย่างไร ดังนั้นการที่เราจะดูแลความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ ต้องถือว่าเป็นความสำคัญในระดับต้นๆที่ต้องดูแลเป็นพิเศษ เพราะหากเจ้าหน้าที่ไปรับเชื้อหรือสัมผัสใกล้ชิดโดยไม่มีการป้องกัน หากเจ้าหน้าที่โดนกักตัว หรือโดนงดการปฏิบัติหน้าที่ เราก็จะไม่มีคนมาช่วยเหลือชาวบ้าน ฉะนั้นเมื่อบุคลากรเรามีจำกัด การที่จะรักษาความปลอดภัยในบุคลากรของเราทำให้การปฏิบัติหน้าที่เป็นไปด้วยความปลอดภัย ลดความเสี่ยงในการที่จะสัมผัสกับบุคคลที่ติดเชื้อ หรือได้รับเชื้อ COVID-19 จึงเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง” รมช.มท กล่าวต่ออีกว่า “ชุด PPE และหน้ากากอนามัย ที่นำมามอบให้กับองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลาในวันนี้ ประสงค์ที่จะให้แจกจ่ายไปยังศูนย์ปฏิบัติงานการแพทย์ฉุกเฉินของจังหวัดสงขลา โดยมีชุด PPE จำนวน 100 ชุด และหน้ากากอนามัยจำนวน 4,000 ชิ้นเป็นการสนับสนุนในเบื้องต้น และขอถือโอกาสนี้เรียนเชิญทุกท่านที่มีกำลังทุนทรัพย์ อยากให้ช่วยกันดูแลการปฏิบัติหน้าที่ของการแพทย์ฉุกเฉินทั้งประเทศ และบุคลากรสาธารณสุข ทุกพื้นที่ ใครอยู่ใกล้พื้นที่ใดก็อยากให้ช่วยกันดูแลพื้นที่นั้น เพราะบุคคลเหล่านี้มีค่อนข้างจำกัด และไม่ทราบว่าสถานการณ์ COVID-19 จะยุติลงเมื่อไหร่ ฉะนั้นการดูแลรักษาบุคลากรที่ผ่านการฝึกอบรมอย่างดีแล้ว ในการเข้าไปช่วยเหลือพี่น้องประชาชน จึงต้องทำให้คนกลุ่มนี้มีความปลอดภัย และมั่นใจในการปฏิบัติหน้าที่ด้วย นี่ัคือสิ่งที่เราจะดูแลความปลอดภัยของผู้ปฏิบัติหน้าที่ เพื่อช่วยเหลือประชาชนได้ต่อไป”

อ่านรายละเอียด

นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (มท.2) ย้ำ นโยบายความปลอดภัยทางถนน แก่ผู้ว่าฯทั่วประเทศ ใช้กลไปศปถ.ทุกระดับ ตั้งเป้าลดตายปีละ 5% เร่งหน่วยเกี่ยวข้องบูรณาการร่วมการแพทย์ฉุกเฉิน ลดยอดเจ็บ-ตายให้เป็นรูปธรรม

เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 4 เมษายน 2564 ที่ห้องประชุมนริศรานุสรณ์ กรมโยธาธิการและผังเมือง กรุงเทพมหานคร นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เข้าร่วมการประชุมมอบนโยบายและข้อราชการสำคัญของกระทรวงมหาดไทย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 โดยมีพลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นประธานการประชุม พร้อมด้วยนายทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงมหาดไทย หัวหน้าหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ ผู้ว่าราชการจังหวัด และผู้เกี่ยวข้อง เข้าร่วมการประชุมรับมอบนโยบาย นายนิพนธ์ กล่าวมอบนโยบายว่า “กระทรวงมหาดไทยขับเคลื่อนงาน โดยยึดหลักการทำงานเชิงรุกตอบสนองการขับเคลื่อนภารกิจในการ “บำบัดทุกข์ บำรุงสุข” โดยเฉพาะอย่างยิ่งการดำเนินงานด้านความปลอดภัยทางถนนในช่วงเทศกาลสงกรานต์และเทศกาลสำคัญทุกเทศกาล ซึ่งจากการวิเคราะห์ข้อมูลการเกิดอุบัติเหตุปี 2559 มีผู้เสียชีวิต 22,000 ราย ปี 2563 ลดลงเหลือ 18,000 ลดลงมา 5 % ถ้าเราตั้งเป็น 10 ปี ก็จะลดลง 50% อันนี้ถือเป็นประโยชน์แก่ส่วนรวม จึงขอกำชับนโยบายดังกล่าวกับผู้ว่าราชการทุกจังหวัด ให้บูรณาการการทำงานร่วมกับหน่วยงานภาคีตั้งแต่ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน(ศปถ.) ทั้งระดับจังหวัด ระดับอำเภอ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในการบูรณาการความร่วมมือ เพราะถนน 70 % อยู่ในการดูแลขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เรามีถนนทั่วทั้งประเทศประมาณ 400,000 กว่ากิโลเมตร อยู่ในการดูแลของกรมทางหลวง 50,000 กว่ากิโลเมตร อยู่ในการดูแลของทางหลวงชนบท 40,000 กิโลเมตร อยู่ในกำกับการดูแลของกทม. 4,000 กิโลเมตร อยู่ในกำกับการดูแลของพัทยา 200 กว่ากิโลเมตร และอยู่ในกำกับดูแลของ อบจ. อบต. เทศบาล ทั่วประเทศ 300,000 กว่ากิโลเมตร เมื่อเทียบเคียงกันแล้ว อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นก็ล้วนอยู่ในการดูแลของท้องถิ่น “ จึงขอให้ทางผู้ว่าราชการจังหวัดเน้นย้ำกับนายอำเภอ เวลาประชุมศปถ.อำเภอ และผู้บริหารท้องถิ่น ให้ใส่ใจในเรื่องเหล่านี้ด้วย โดยเฉพาะปีนี้เราได้มีการเลือกตั้งเปลี่ยนผู้นำ ผู้บริหารท้องถิ่นทั้งระดับอบจ. เทศบาล และในอนาคตอันใกล้จะมีการเลือกผู้บริหารองค์การบริหารส่วนตำบล คนที่เข้ามาใหม่จึงไม่สันทัดบทบาทและหน้าที่เหล่านี้ จึงถือโอกาสนี้เน้นย้ำให้ผู้ว่าราชการจังหวัดได้ใช้กลไกล ศปถ.อำเภอลงลึกเพื่อให้ครอบคุมการลดอุบัติเหตุ ลดการเสียชีวิตในส่วนของท้องถิ่นต่างๆให้ได้ พร้อมบรูณาการร่วมกับการแพทย์ฉุกเฉินก็จะสามารถลดการเสียชีวิตบนท้องถนนลงได้มากจึงขอเน้นย้ำฝากนโยบายนี้” นายนิพนธ์กล่าว

อ่านรายละเอียด

นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (มท.2) บรรยายพิเศษ”กฎหมายและอำนาจหน้าที่อปท.-นครหลวง” ชี้ รธน.ให้ความสำคัญการกระจายอำนาจฯมีวิวัฒนาการที่ดีอย่างต่อเนื่อง ยืนยัน “ถ้าท้องถิ่นเข้มแข็ง ประเทศชาติก็เข้มแข็ง” นำไปสู่การลดความเหลื่อมล้ำในทุกด้านของประเทศ

นิพนธ์ บรรยายพิเศษ”กฎหมายและอำนาจหน้าที่อปท.-นครหลวง” ชี้ รธน.ให้ความสำคัญการกระจายอำนาจฯมีวิวัฒนาการที่ดีอย่างต่อเนื่อง ยืนยัน “ถ้าท้องถิ่นเข้มแข็ง ประเทศชาติก็เข้มแข็ง” นำไปสู่การลดความเหลื่อมล้ำในทุกด้านของประเทศ เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2564 ที่โรงแรมสวิสโฮเต็ล กรุงเทพฯ กรุงเทพมหานคร นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นวิทยากรพิเศษ บรรยาย ในหัวข้อ “กฎหมายและอำนาจหน้าที่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและนครหลวง” ในการศึกษาอบรมหลักสูตร “ผู้บริหารระดับสูงด้านการพัฒนาผู้นำเมือง” (ผู้นำเมือง รุ่น 6) จัดขึ้นโดยมหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช มีวัตถุประสงค์ในการสร้างทัศนคติความรู้ความเข้าใจ ด้านการบริหารจัดการปกครองส่วนท้องถิ่น ให้กับผู้นำภาครัฐ ภาคเอกชน สามารถบูรณาการแนวความคิดทางการบริหารองค์กร การบริหารท้องถิ่นร่วมกันต่อการพัฒนาเมืองและท้องถิ่นอย่างยั่งยืน นายนิพนธ์ ได้บรรยายสรุปเกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ขององค์กรปกครองท้องถิ่นไทยผ่านประสบการณ์การทำงาน มุมมอง และวิสัยทัศน์ ตลอดช่วงที่ผ่านมาว่า “ระบบราชการไทยแบ่งการบริหารราชการส่วนกลาง ราชการส่วนภูมิภาค และราชการส่วนท้องถิ่น จึงต้องมีการกระจายอำนาจจากส่วนกลางลงสู่ท้องถิ่น โดยมีพัฒนาการมาอย่างยาวนาน รัฐธรรมนูญปี2540 เป็นฉบับแรก ที่มีการกระจายอำนาจให้ท้องถิ่นอย่างเป็นรูปธรรม ขณะที่รัฐธรรมนูญปี 2550 และ 2560 ฉบับปัจจุบันก็มีการกำหนดการกระจายอำนาจให้ท้องถิ่นไว้อย่างชัดเจนเช่นเดียวกัน เป็นการยกฐานะของส่วนท้องถิ่นที่รัฐธรรมนูญรับรองสถานะขององค์กรท้องถิ่น และส่วนตัวก็เชื่อมั่นในหลักการกระจายอำนาจ ดังนั้นเมื่อจบเนติบัญฑิตไทย ก็ไม่ไปสอบอัยการ หรือผู้พิพากษา แต่มุ่งเป้ามาสมัครเป็น ส.จ. เป็นสจ. สองสมัย และเป็นส.ส. และเป็นอดีตนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา (นายก อบจ.) ครั้งเป็น ส.ส.สมัยแรกเมื่อปี 2535 ในรัฐบาลชวน หลีกภัยได้มีส่วนร่วมในการผลักดันพระราชบัญญัติสภาตำบล ที่ยกฐานะสภาตำบล ขึ้นมาเป็นองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) หลังจากที่มีนโยบายการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพิ่มอำนาจให้ประชาชนจะเป็นแนวทางที่จะลดช่องว่างระหว่างเมืองกับชนบท นี่คือการลดความเหลื่อมล้ำ เรามีเมืองใหม่ๆเกิดขึ้นเยอะมาก เมืองต่างๆก็โตอย่างรวดเร็ว ซึ่งกลไกรัฐแบบเดิมๆจะไม่สามารถดูแลได้ ยกตัวอย่างการจัดบริการด้านสุขภาพ ท้องถิ่นสามารถจัดบริการสาธารณะเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนได้หลากหลาย การให้บริการรักษาพยาบาลเบื้องต้น การตรวจคัดกรองสุขภาพเบื้องต้น ที่เห็นได้ชัดเจนคือ งานป้องกันควบคุมโรคและงานส่งเสริมสุขภาพ ท้องถิ่นสามารถทำได้ดี วันนี้ต้องยอมรับว่าเรื่องการกระจายอำนาจฯสามารถก้าวมาได้เยอะมากแล้ว ตนเชื่อมั่นว่าเรื่องการกระจายอำนาจจะทำให้ท้องถิ่นเกิดความเข้มแข้ง การทำให้ชุมชนเข้มแข็ง แล้วสามารถยืนบนขาของตัวเองได้ จะนำไปสู่การทำประเทศชาติให้เข้มแข็งและนำไปสู่การลดความเหลื่อมล้ำในทุกๆด้านของประเทศ

อ่านรายละเอียด

พิธีวางพุ่มดอกไม้ถวายสักการะพระอนุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ เนื่องในวันที่ระลึกวันคล้ายวันสถาปนากระทรวงมหาดไทย ประจำปี 2564 (ครบรอบ 129 ปี )

วันที่ 1 เมษายน 2564 พลเอกอนุพงศ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานในพิธีวางพุ่มดอกไม้ถวายสักการะพระอนุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ เนื่องในวันที่ระลึกวันคล้ายวันสถาปนากระทรวงมหาดไทย ประจำปี 2564 (ครบรอบ 129 ปี ) พร้อมทั้งกล่าวคำถวายสดุดี ที่บริเวณด้านหน้าศาลาว่าการกระทรวงมหาดไทย เนื่องในวันที่ระลึกคล้ายวันสถาปนากระทรวงมหาดไทยและน้อมระลึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ทรงมีพระบรมราชโองการจัดตั้งกระทรวงมหาดไทยขึ้น เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2435 และทรงมอบหมายให้สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ เป็นองค์ปฐมเสนาบดี กระทรวงมหาดไทย ซึ่งพระองค์ทรงวางรากฐานให้กระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานที่มุ่งเน้นการบำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ประชาชน ในการนี้ นายชีระ วงศบูรณะ ผู้อำนวยการองค์การจัดการน้ำเสีย นำคณะผู้บริหารและพนักงานองค์การจัดการน้ำเสียเข้าร่วมในพิธีดังกล่าวด้วย

อ่านรายละเอียด

นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (มท.2) รณรงค์แคมเปญ “ประหยัดน้ำ สู้วิกฤตภัยแล้ง” ปลุกพลังคนไทย ร่วมมือร่วมใจสร้างจิตสำนึกสังคมไทยใช้ทรัพยากรน้ำอย่างรู้คุณค่าและประหยัด เพื่อลูกหลานไทยมีน้ำใช้อย่างยั่งยืน

นิพนธ์ รณรงค์แคมเปญ “ประหยัดน้ำ สู้วิกฤตภัยแล้ง” ปลุกพลังคนไทย ร่วมมือร่วมใจสร้างจิตสำนึกสังคมไทยใช้ทรัพยากรน้ำอย่างรู้คุณค่าและประหยัด เพื่อลูกหลานไทยมีน้ำใช้อย่างยั่งยืน เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2564 ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา เวสต์เกต จ.นนทบุรี นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานเปิดกิจกรรมรณรงค์ “ประหยัดน้ำ สู้วิกฤตภัยแล้ง” ปลุกพลังคนไทย ร่วมมือร่วมใจฝ่าวิกฤต เพื่อปลุกจิตสำนึก กระตุ้นให้ประชาชนร่วมใจกันใช้น้ำอย่างประหยัดเพื่อผ่านวิกฤตภัยแล้งนี้ไปด้วยกัน โดยมี นายนิสิต จันทร์สมวงศ์ ประธานกรรมการ กปน. นายกวี อารีกุล ผู้ว่าการ กปน. คณะผู้บริหารจากกปน. ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี เข้าร่วมกิจกรรมรณรงค์ฯ นายนิพนธ์ กล่าวว่า “สถานการณ์ภัยแล้งในปีนี้ประเทศไทยต้องเผชิญกับภาวะภัยแล้งอย่างรุนแรง จากสภาวะอากาศที่เปลี่ยนแปลงไปปริมาณน้ำดิบในการผลิตน้ำประปามีน้อยไม่เพียงพอต่อความต้องการ ประกอบกับสถานการณ์น้ำทะเลหนุนสูงในแม่น้ำเจ้าพระยาส่งผลให้น้ำประปาในบางช่วงเวลา ในพื้นที่ฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยา มีรสชาติเปลี่ยนแปลงไป การประปานครหลวงมีมาตรการรองรับสถานการณ์ภัยแล้ง มีกระบวนการ และขั้นตอนการทำงานในช่วงน้ำทะเลหนุนสูงทำให้น้ำประปาที่ผลิตได้ยังคงคุณภาพมาตรฐานองค์การอนามัยโลก(WHO) เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่กรุงเทพมหานคร นนทบุรี และสมุทรปราการ มีน้ำใช้สำหรับการอุปโภคบริโภค อย่างเพียงพอตลอดฤดูแล้งนี้” “ จึงชวนประชาชนทุกภาคส่วนในกรุงเทพฯ นนทบุรี และสมุทรปราการ ร่วมกันใช้น้ำประปาอย่างรู้คุณค่าทั้งในช่วงปกติและช่วงวิกฤตภัยแล้ง ไม่ปล่อยน้ำไหลทิ้งไปโดยเปล่าประโยชน์ สงวนต้นทุนน้ำของประเทศ โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ประเทศไทยต้องเผชิญกับภาวะภัยแล้ง จนนำไปปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้น้ำอย่างรู้คุณค่าให้คนรุ่นใหม่ที่ใส่ใจกับการประหยัดน้ำมากยิ่งขึ้น ผมเชื่อว่าความพยายามของพวกเราที่พร้อมจะปลุกพลังร่วมมือร่วมใจใช้น้ำอย่างประหยัดและมีประสิทธิภาพ จะทำให้เราผ่านพ้นวิกฤตภัยแล้งไปได้ ส่งผลให้ภาพรวมของประเทศมีน้ำใช้อย่างเพียงพอเพื่อให้ลูกหลานของเราได้มีน้ำประปาสะอาด ปลอดภัยใช้อย่างยั่งยืนตลอดไป” นายนิพนธ์กล่าว

อ่านรายละเอียด

นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (มท.2) เผยข้อมูลความเสียหายจากพายุฤดูร้อนสัปดาห์ที่ผ่านมา เน้นย้ำ เร่งเบิกจ่ายเงินเยียวยาฯ กำชับทุกพื้นที่เสี่ยงเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง แม้ปัจจุบันคลี่คลายแล้ว

นิพนธ์ เผยข้อมูลความเสียหายจากพายุฤดูร้อนสัปดาห์ที่ผ่านมา เน้นย้ำ เร่งเบิกจ่ายเงินเยียวยาฯ กำชับทุกพื้นที่เสี่ยงเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง แม้ปัจจุบันคลี่คลายแล้ว เมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2564 นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า จากสถานการณ์บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นจากประเทศจีนแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ตั้งแต่วันที่ 20 มี.ค.ที่ผ่านมาจนถึงวันนี้ ยังคงทําให้เกิดพายุฝนฟ้าคะนองลมกระโชกแรงอละมีลูกเห็บตกในพื้นที่ 32 จังหวัดซึ่งส่วยใหญ่เป็นจังหวัดในพื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบด้วย จ.แม่ฮ่องสอน เชียงราย เชียงใหม่ ลําปาง พะเยา น่าน ตาก อุตรดิตถ์พิษณุโลก เพชรบูรณ์ พิจิตร บึงกาฬ หนองคาย หนองบัวลําภู อุดรธานี เลย ชัยภูมิสกลนคร ขอนแก่น กาฬสินธุ์ร้อยเอ็ด มหาสารคาม ยโสธร มุกดาหาร นครราชสีมาอุบลราชธานี สุรินทร์ ศรีสะเกษ นครพนม จันทบุรีสมุทรสาคร และ จ.ราชบุรี พื้นที่ได้รับผลกระทบจำนวน 140 อำเภอ 275 ตำบล 642 หมู่บ้าน 2 เขตเทศบาล บ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหายจำนวน 2,610 หลัง นอกจากนี้มีรายงานผู้เสียชีวิต 4 ราย ได้แก่ จ.นครราชสีมาชาย 1 ราย สาเหตุต้นไม้ล้มทับขณะขี่รถจักรยานยนต์ จ.หนองคาย 2 ราย ชาย 1 ราย หญิง 1 ราย สาเหตุเรือล่ม จ.ลําปาง ชาย 1 ราย สาเหตุแผ่นโครงเหล็กผนังอาคารล้มทับบริเวณปั๊มมัน โดยสถานการณ์ปัจจุบันได้คลี่คลายแล้วในทุกจังหวัดนั้น นายนิพนธ์ กล่าวว่า “แม้สถานการณ์ในพื้นที่ต่างๆที่ได้รับผลกระทบจากพายุฤดูร้อน รวมทั้งผลกระทบจากการเกิดลมกรรโชกแรง จะได้คลี่คลายไปแล้ว แต่เจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องยังคงต้องทำงานอย่างต่อเนื่องเพื่อเร่งเบิกจ่ายเงินเยียวยาตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2562 และหลักเกณฑ์การใช้จ่ายเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2563 ซึ่งเป็นอีกขั้นตอนหนึ่งที่สำคัญนอกจากการเร่งเข้าไปช่วยเหลือขณะเกิดภัยแล้ว การฟื้นฟูสภาพบ้านเรือนพี่น้องประชาชนและสถานการณ์โดยรวมในพื้นที่ให้กลับสู่สภาวะปกตินั้นก็เป็นสิ่งจำเป็นเช่นเดียวกัน ซึ่งในส่วนนี้ก็ได้เน้นย้ำให้ผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ และปภ.ให้เร่งสรุปข้อมูลและจัดประชุมในการอนุมัติงบประมาณตามระเบียบฯที่ผู้ว่าฯ มีอำนาจเบิกจ่ายให้การช่วยเหลือให้ได้โดยเร็วที่สุด นอกจากนี้ในส่วนการติดตามสถานการณ์พายุฤดูร้อนก็ยังต้องมีการแจ้งเตือนพี่น้องประชาชนอยู่อย่างต่อเนื่องเพราะสภาพอากาศที่ร้อนจัดสลับลมแรงยังคงเกิดขึ้นทุกพื้นที่ไปจนถึงเดือนพฤษภาคม ทำให้เกิดความเสี่ยงต่อการเกิดสถานการณ์พายุ ลมกรรโชกแรงขึ้นอีก ทั้งนี้ รัฐบาลโดยท่านพล.อ.ประยุทธ์ นายกรัฐมนตรี และท่านพล.อ.อนุพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และคณะรัฐมนตรีทุกคน ไม่อยากให้เกิดการสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ดังนั้นการเตรียมการต่างๆเพื่อป้องกันสถานการณ์ภัยจำเป็นต้องดีและพร้อมที่สุด”

อ่านรายละเอียด

นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (มท.2) ห่วงผู้ปฎิบัติหน้าที่มอบชุด PPE และหน้ากากอนามัย ให้หน่วยแพทย์ฉุกเฉิน 1669 อบจ.สงขลา พร้อมขอความร่วมมือทุกฝ่าย สนับสนุนการทำงานของเจ้าหน้าที่สาธารณสุข เพื่อป้องกันและควบคุมสถานการณ์ COVID-19

นิพนธ์ ห่วงผู้ปฎิบัติหน้าที่มอบชุด PPE และหน้ากากอนามัย ให้หน่วยแพทย์ฉุกเฉิน 1669 อบจ.สงขลา พร้อมขอความร่วมมือทุกฝ่าย สนับสนุนการทำงานของเจ้าหน้าที่สาธารณสุข เพื่อป้องกันและควบคุมสถานการณ์ COVID-19 เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2564 นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้เดินทางไปมอบชุด PPE และหน้ากากอนามัยให้แก่ศูนย์ปฏิบัติการการแพทย์ฉุกเฉิน(1669) ขององค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา เพื่อแจกจ่ายให้หน่วยแพทย์ฉุกเฉิน โดยมีนายไพเจน มากสุวรรณ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา นายชัยวุฒิ ผ่องแผ้ว รองนายก อบจ.สงขลา นายประพันธ์ ศรีสุวรรณ ปลัด อบจ.สงขลา นายนิพัฒน์ อุดมอักษร เลขานุการนายก อบจ.สงขลา นางสาวปรินดา ปาลาเร่ เลขานุการนายก อบจ.สงขลา และข้าราชการในสังกัด อบจ.สงขลาให้การต้อนรับ พร้อมกันนี้ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้เข้าตรวจเยี่ยมการปฏิบัติหน้าที่ของศูนย์ปฏิบัติการการแพทย์ฉุกเฉิน (1669) ขององค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลาอีกด้วย รมช.มท. กล่าวว่า “วันนี้เป็นการนำชุด PPE และหน้ากากอนามัย มามอบให้กับศูนย์ปฏิบัติการการแพทย์ฉุกเฉินขององค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา ซึ่งถือว่าเป็นหน่วยงานที่ดูแลระบบการแพทย์ฉุกเฉินของสงขลาทั้งจังหวัด ฉะนั้นถือว่า หน่วยการแพทย์ฉุกเฉิน1669 เป็นผู้ปฏิบัติที่ต้องเผชิญภัยความเสี่ยงในการเข้าช่วยเหลือพี่น้องประชาชน และทำให้บุคลากรเหล่านี้ต้องมีความเสี่ยงในการช่วยเหลือมากกว่าปกติ เพราะไม่สามารถรู้ได้ว่าคนที่เราเข้าไปช่วยเหลือนั้นเป็นผู้ที่ได้รับเชื้อหรือไม่อย่างไร ดังนั้นการที่เราจะดูแลความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ ต้องถือว่าเป็นความสำคัญในระดับต้นๆที่ต้องดูแลเป็นพิเศษ เพราะหากเจ้าหน้าที่ไปรับเชื้อหรือสัมผัสใกล้ชิดโดยไม่มีการป้องกัน หากเจ้าหน้าที่โดนกักตัว หรือโดนงดการปฏิบัติหน้าที่ เราก็จะไม่มีคนมาช่วยเหลือชาวบ้าน ฉะนั้นเมื่อบุคลากรเรามีจำกัด การที่จะรักษาความปลอดภัยในบุคลากรของเราทำให้การปฏิบัติหน้าที่เป็นไปด้วยความปลอดภัย ลดความเสี่ยงในการที่จะสัมผัสกับบุคคลที่ติดเชื้อ หรือได้รับเชื้อ COVID-19 จึงเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง” รมช.มท กล่าวต่ออีกว่า “ชุด PPE และหน้ากากอนามัย ที่นำมามอบให้กับองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลาในวันนี้ ประสงค์ที่จะให้แจกจ่ายไปยังศูนย์ปฏิบัติงานการแพทย์ฉุกเฉินของจังหวัดสงขลา โดยมีชุด PPE จำนวน 100 ชุด และหน้ากากอนามัยจำนวน 4,000 ชิ้นเป็นการสนับสนุนในเบื้องต้น และขอถือโอกาสนี้เรียนเชิญทุกท่านที่มีกำลังทุนทรัพย์ อยากให้ช่วยกันดูแลการปฏิบัติหน้าที่ของการแพทย์ฉุกเฉินทั้งประเทศ และบุคลากรสาธารณสุข ทุกพื้นที่ ใครอยู่ใกล้พื้นที่ใดก็อยากให้ช่วยกันดูแลพื้นที่นั้น เพราะบุคคลเหล่านี้มีค่อนข้างจำกัด และไม่ทราบว่าสถานการณ์ COVID-19 จะยุติลงเมื่อไหร่ ฉะนั้นการดูแลรักษาบุคลากรที่ผ่านการฝึกอบรมอย่างดีแล้ว ในการเข้าไปช่วยเหลือพี่น้องประชาชน จึงต้องทำให้คนกลุ่มนี้มีความปลอดภัย และมั่นใจในการปฏิบัติหน้าที่ด้วย นี่ัคือสิ่งที่เราจะดูแลความปลอดภัยของผู้ปฏิบัติหน้าที่ เพื่อช่วยเหลือประชาชนได้ต่อไป”

อ่านรายละเอียด

นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (มท.2) ย้ำ นโยบายความปลอดภัยทางถนน แก่ผู้ว่าฯทั่วประเทศ ใช้กลไปศปถ.ทุกระดับ ตั้งเป้าลดตายปีละ 5% เร่งหน่วยเกี่ยวข้องบูรณาการร่วมการแพทย์ฉุกเฉิน ลดยอดเจ็บ-ตายให้เป็นรูปธรรม

เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 4 เมษายน 2564 ที่ห้องประชุมนริศรานุสรณ์ กรมโยธาธิการและผังเมือง กรุงเทพมหานคร นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เข้าร่วมการประชุมมอบนโยบายและข้อราชการสำคัญของกระทรวงมหาดไทย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 โดยมีพลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นประธานการประชุม พร้อมด้วยนายทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงมหาดไทย หัวหน้าหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ ผู้ว่าราชการจังหวัด และผู้เกี่ยวข้อง เข้าร่วมการประชุมรับมอบนโยบาย นายนิพนธ์ กล่าวมอบนโยบายว่า “กระทรวงมหาดไทยขับเคลื่อนงาน โดยยึดหลักการทำงานเชิงรุกตอบสนองการขับเคลื่อนภารกิจในการ “บำบัดทุกข์ บำรุงสุข” โดยเฉพาะอย่างยิ่งการดำเนินงานด้านความปลอดภัยทางถนนในช่วงเทศกาลสงกรานต์และเทศกาลสำคัญทุกเทศกาล ซึ่งจากการวิเคราะห์ข้อมูลการเกิดอุบัติเหตุปี 2559 มีผู้เสียชีวิต 22,000 ราย ปี 2563 ลดลงเหลือ 18,000 ลดลงมา 5 % ถ้าเราตั้งเป็น 10 ปี ก็จะลดลง 50% อันนี้ถือเป็นประโยชน์แก่ส่วนรวม จึงขอกำชับนโยบายดังกล่าวกับผู้ว่าราชการทุกจังหวัด ให้บูรณาการการทำงานร่วมกับหน่วยงานภาคีตั้งแต่ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน(ศปถ.) ทั้งระดับจังหวัด ระดับอำเภอ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในการบูรณาการความร่วมมือ เพราะถนน 70 % อยู่ในการดูแลขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เรามีถนนทั่วทั้งประเทศประมาณ 400,000 กว่ากิโลเมตร อยู่ในการดูแลของกรมทางหลวง 50,000 กว่ากิโลเมตร อยู่ในการดูแลของทางหลวงชนบท 40,000 กิโลเมตร อยู่ในกำกับการดูแลของกทม. 4,000 กิโลเมตร อยู่ในกำกับการดูแลของพัทยา 200 กว่ากิโลเมตร และอยู่ในกำกับดูแลของ อบจ. อบต. เทศบาล ทั่วประเทศ 300,000 กว่ากิโลเมตร เมื่อเทียบเคียงกันแล้ว อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นก็ล้วนอยู่ในการดูแลของท้องถิ่น “ จึงขอให้ทางผู้ว่าราชการจังหวัดเน้นย้ำกับนายอำเภอ เวลาประชุมศปถ.อำเภอ และผู้บริหารท้องถิ่น ให้ใส่ใจในเรื่องเหล่านี้ด้วย โดยเฉพาะปีนี้เราได้มีการเลือกตั้งเปลี่ยนผู้นำ ผู้บริหารท้องถิ่นทั้งระดับอบจ. เทศบาล และในอนาคตอันใกล้จะมีการเลือกผู้บริหารองค์การบริหารส่วนตำบล คนที่เข้ามาใหม่จึงไม่สันทัดบทบาทและหน้าที่เหล่านี้ จึงถือโอกาสนี้เน้นย้ำให้ผู้ว่าราชการจังหวัดได้ใช้กลไกล ศปถ.อำเภอลงลึกเพื่อให้ครอบคุมการลดอุบัติเหตุ ลดการเสียชีวิตในส่วนของท้องถิ่นต่างๆให้ได้ พร้อมบรูณาการร่วมกับการแพทย์ฉุกเฉินก็จะสามารถลดการเสียชีวิตบนท้องถนนลงได้มากจึงขอเน้นย้ำฝากนโยบายนี้” นายนิพนธ์กล่าว

อ่านรายละเอียด

นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (มท.2) บรรยายพิเศษ”กฎหมายและอำนาจหน้าที่อปท.-นครหลวง” ชี้ รธน.ให้ความสำคัญการกระจายอำนาจฯมีวิวัฒนาการที่ดีอย่างต่อเนื่อง ยืนยัน “ถ้าท้องถิ่นเข้มแข็ง ประเทศชาติก็เข้มแข็ง” นำไปสู่การลดความเหลื่อมล้ำในทุกด้านของประเทศ

นิพนธ์ บรรยายพิเศษ”กฎหมายและอำนาจหน้าที่อปท.-นครหลวง” ชี้ รธน.ให้ความสำคัญการกระจายอำนาจฯมีวิวัฒนาการที่ดีอย่างต่อเนื่อง ยืนยัน “ถ้าท้องถิ่นเข้มแข็ง ประเทศชาติก็เข้มแข็ง” นำไปสู่การลดความเหลื่อมล้ำในทุกด้านของประเทศ เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2564 ที่โรงแรมสวิสโฮเต็ล กรุงเทพฯ กรุงเทพมหานคร นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นวิทยากรพิเศษ บรรยาย ในหัวข้อ “กฎหมายและอำนาจหน้าที่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและนครหลวง” ในการศึกษาอบรมหลักสูตร “ผู้บริหารระดับสูงด้านการพัฒนาผู้นำเมือง” (ผู้นำเมือง รุ่น 6) จัดขึ้นโดยมหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช มีวัตถุประสงค์ในการสร้างทัศนคติความรู้ความเข้าใจ ด้านการบริหารจัดการปกครองส่วนท้องถิ่น ให้กับผู้นำภาครัฐ ภาคเอกชน สามารถบูรณาการแนวความคิดทางการบริหารองค์กร การบริหารท้องถิ่นร่วมกันต่อการพัฒนาเมืองและท้องถิ่นอย่างยั่งยืน นายนิพนธ์ ได้บรรยายสรุปเกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ขององค์กรปกครองท้องถิ่นไทยผ่านประสบการณ์การทำงาน มุมมอง และวิสัยทัศน์ ตลอดช่วงที่ผ่านมาว่า “ระบบราชการไทยแบ่งการบริหารราชการส่วนกลาง ราชการส่วนภูมิภาค และราชการส่วนท้องถิ่น จึงต้องมีการกระจายอำนาจจากส่วนกลางลงสู่ท้องถิ่น โดยมีพัฒนาการมาอย่างยาวนาน รัฐธรรมนูญปี2540 เป็นฉบับแรก ที่มีการกระจายอำนาจให้ท้องถิ่นอย่างเป็นรูปธรรม ขณะที่รัฐธรรมนูญปี 2550 และ 2560 ฉบับปัจจุบันก็มีการกำหนดการกระจายอำนาจให้ท้องถิ่นไว้อย่างชัดเจนเช่นเดียวกัน เป็นการยกฐานะของส่วนท้องถิ่นที่รัฐธรรมนูญรับรองสถานะขององค์กรท้องถิ่น และส่วนตัวก็เชื่อมั่นในหลักการกระจายอำนาจ ดังนั้นเมื่อจบเนติบัญฑิตไทย ก็ไม่ไปสอบอัยการ หรือผู้พิพากษา แต่มุ่งเป้ามาสมัครเป็น ส.จ. เป็นสจ. สองสมัย และเป็นส.ส. และเป็นอดีตนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา (นายก อบจ.) ครั้งเป็น ส.ส.สมัยแรกเมื่อปี 2535 ในรัฐบาลชวน หลีกภัยได้มีส่วนร่วมในการผลักดันพระราชบัญญัติสภาตำบล ที่ยกฐานะสภาตำบล ขึ้นมาเป็นองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) หลังจากที่มีนโยบายการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพิ่มอำนาจให้ประชาชนจะเป็นแนวทางที่จะลดช่องว่างระหว่างเมืองกับชนบท นี่คือการลดความเหลื่อมล้ำ เรามีเมืองใหม่ๆเกิดขึ้นเยอะมาก เมืองต่างๆก็โตอย่างรวดเร็ว ซึ่งกลไกรัฐแบบเดิมๆจะไม่สามารถดูแลได้ ยกตัวอย่างการจัดบริการด้านสุขภาพ ท้องถิ่นสามารถจัดบริการสาธารณะเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนได้หลากหลาย การให้บริการรักษาพยาบาลเบื้องต้น การตรวจคัดกรองสุขภาพเบื้องต้น ที่เห็นได้ชัดเจนคือ งานป้องกันควบคุมโรคและงานส่งเสริมสุขภาพ ท้องถิ่นสามารถทำได้ดี วันนี้ต้องยอมรับว่าเรื่องการกระจายอำนาจฯสามารถก้าวมาได้เยอะมากแล้ว ตนเชื่อมั่นว่าเรื่องการกระจายอำนาจจะทำให้ท้องถิ่นเกิดความเข้มแข้ง การทำให้ชุมชนเข้มแข็ง แล้วสามารถยืนบนขาของตัวเองได้ จะนำไปสู่การทำประเทศชาติให้เข้มแข็งและนำไปสู่การลดความเหลื่อมล้ำในทุกๆด้านของประเทศ

อ่านรายละเอียด

พิธีวางพุ่มดอกไม้ถวายสักการะพระอนุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ เนื่องในวันที่ระลึกวันคล้ายวันสถาปนากระทรวงมหาดไทย ประจำปี 2564 (ครบรอบ 129 ปี )

วันที่ 1 เมษายน 2564 พลเอกอนุพงศ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานในพิธีวางพุ่มดอกไม้ถวายสักการะพระอนุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ เนื่องในวันที่ระลึกวันคล้ายวันสถาปนากระทรวงมหาดไทย ประจำปี 2564 (ครบรอบ 129 ปี ) พร้อมทั้งกล่าวคำถวายสดุดี ที่บริเวณด้านหน้าศาลาว่าการกระทรวงมหาดไทย เนื่องในวันที่ระลึกคล้ายวันสถาปนากระทรวงมหาดไทยและน้อมระลึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ทรงมีพระบรมราชโองการจัดตั้งกระทรวงมหาดไทยขึ้น เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2435 และทรงมอบหมายให้สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ เป็นองค์ปฐมเสนาบดี กระทรวงมหาดไทย ซึ่งพระองค์ทรงวางรากฐานให้กระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานที่มุ่งเน้นการบำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ประชาชน ในการนี้ นายชีระ วงศบูรณะ ผู้อำนวยการองค์การจัดการน้ำเสีย นำคณะผู้บริหารและพนักงานองค์การจัดการน้ำเสียเข้าร่วมในพิธีดังกล่าวด้วย

อ่านรายละเอียด

นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (มท.2) รณรงค์แคมเปญ “ประหยัดน้ำ สู้วิกฤตภัยแล้ง” ปลุกพลังคนไทย ร่วมมือร่วมใจสร้างจิตสำนึกสังคมไทยใช้ทรัพยากรน้ำอย่างรู้คุณค่าและประหยัด เพื่อลูกหลานไทยมีน้ำใช้อย่างยั่งยืน

นิพนธ์ รณรงค์แคมเปญ “ประหยัดน้ำ สู้วิกฤตภัยแล้ง” ปลุกพลังคนไทย ร่วมมือร่วมใจสร้างจิตสำนึกสังคมไทยใช้ทรัพยากรน้ำอย่างรู้คุณค่าและประหยัด เพื่อลูกหลานไทยมีน้ำใช้อย่างยั่งยืน เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2564 ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา เวสต์เกต จ.นนทบุรี นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานเปิดกิจกรรมรณรงค์ “ประหยัดน้ำ สู้วิกฤตภัยแล้ง” ปลุกพลังคนไทย ร่วมมือร่วมใจฝ่าวิกฤต เพื่อปลุกจิตสำนึก กระตุ้นให้ประชาชนร่วมใจกันใช้น้ำอย่างประหยัดเพื่อผ่านวิกฤตภัยแล้งนี้ไปด้วยกัน โดยมี นายนิสิต จันทร์สมวงศ์ ประธานกรรมการ กปน. นายกวี อารีกุล ผู้ว่าการ กปน. คณะผู้บริหารจากกปน. ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี เข้าร่วมกิจกรรมรณรงค์ฯ นายนิพนธ์ กล่าวว่า “สถานการณ์ภัยแล้งในปีนี้ประเทศไทยต้องเผชิญกับภาวะภัยแล้งอย่างรุนแรง จากสภาวะอากาศที่เปลี่ยนแปลงไปปริมาณน้ำดิบในการผลิตน้ำประปามีน้อยไม่เพียงพอต่อความต้องการ ประกอบกับสถานการณ์น้ำทะเลหนุนสูงในแม่น้ำเจ้าพระยาส่งผลให้น้ำประปาในบางช่วงเวลา ในพื้นที่ฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยา มีรสชาติเปลี่ยนแปลงไป การประปานครหลวงมีมาตรการรองรับสถานการณ์ภัยแล้ง มีกระบวนการ และขั้นตอนการทำงานในช่วงน้ำทะเลหนุนสูงทำให้น้ำประปาที่ผลิตได้ยังคงคุณภาพมาตรฐานองค์การอนามัยโลก(WHO) เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่กรุงเทพมหานคร นนทบุรี และสมุทรปราการ มีน้ำใช้สำหรับการอุปโภคบริโภค อย่างเพียงพอตลอดฤดูแล้งนี้” “ จึงชวนประชาชนทุกภาคส่วนในกรุงเทพฯ นนทบุรี และสมุทรปราการ ร่วมกันใช้น้ำประปาอย่างรู้คุณค่าทั้งในช่วงปกติและช่วงวิกฤตภัยแล้ง ไม่ปล่อยน้ำไหลทิ้งไปโดยเปล่าประโยชน์ สงวนต้นทุนน้ำของประเทศ โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ประเทศไทยต้องเผชิญกับภาวะภัยแล้ง จนนำไปปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้น้ำอย่างรู้คุณค่าให้คนรุ่นใหม่ที่ใส่ใจกับการประหยัดน้ำมากยิ่งขึ้น ผมเชื่อว่าความพยายามของพวกเราที่พร้อมจะปลุกพลังร่วมมือร่วมใจใช้น้ำอย่างประหยัดและมีประสิทธิภาพ จะทำให้เราผ่านพ้นวิกฤตภัยแล้งไปได้ ส่งผลให้ภาพรวมของประเทศมีน้ำใช้อย่างเพียงพอเพื่อให้ลูกหลานของเราได้มีน้ำประปาสะอาด ปลอดภัยใช้อย่างยั่งยืนตลอดไป” นายนิพนธ์กล่าว

อ่านรายละเอียด

นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (มท.2) เผยข้อมูลความเสียหายจากพายุฤดูร้อนสัปดาห์ที่ผ่านมา เน้นย้ำ เร่งเบิกจ่ายเงินเยียวยาฯ กำชับทุกพื้นที่เสี่ยงเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง แม้ปัจจุบันคลี่คลายแล้ว

นิพนธ์ เผยข้อมูลความเสียหายจากพายุฤดูร้อนสัปดาห์ที่ผ่านมา เน้นย้ำ เร่งเบิกจ่ายเงินเยียวยาฯ กำชับทุกพื้นที่เสี่ยงเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง แม้ปัจจุบันคลี่คลายแล้ว เมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2564 นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า จากสถานการณ์บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นจากประเทศจีนแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ตั้งแต่วันที่ 20 มี.ค.ที่ผ่านมาจนถึงวันนี้ ยังคงทําให้เกิดพายุฝนฟ้าคะนองลมกระโชกแรงอละมีลูกเห็บตกในพื้นที่ 32 จังหวัดซึ่งส่วยใหญ่เป็นจังหวัดในพื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบด้วย จ.แม่ฮ่องสอน เชียงราย เชียงใหม่ ลําปาง พะเยา น่าน ตาก อุตรดิตถ์พิษณุโลก เพชรบูรณ์ พิจิตร บึงกาฬ หนองคาย หนองบัวลําภู อุดรธานี เลย ชัยภูมิสกลนคร ขอนแก่น กาฬสินธุ์ร้อยเอ็ด มหาสารคาม ยโสธร มุกดาหาร นครราชสีมาอุบลราชธานี สุรินทร์ ศรีสะเกษ นครพนม จันทบุรีสมุทรสาคร และ จ.ราชบุรี พื้นที่ได้รับผลกระทบจำนวน 140 อำเภอ 275 ตำบล 642 หมู่บ้าน 2 เขตเทศบาล บ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหายจำนวน 2,610 หลัง นอกจากนี้มีรายงานผู้เสียชีวิต 4 ราย ได้แก่ จ.นครราชสีมาชาย 1 ราย สาเหตุต้นไม้ล้มทับขณะขี่รถจักรยานยนต์ จ.หนองคาย 2 ราย ชาย 1 ราย หญิง 1 ราย สาเหตุเรือล่ม จ.ลําปาง ชาย 1 ราย สาเหตุแผ่นโครงเหล็กผนังอาคารล้มทับบริเวณปั๊มมัน โดยสถานการณ์ปัจจุบันได้คลี่คลายแล้วในทุกจังหวัดนั้น นายนิพนธ์ กล่าวว่า “แม้สถานการณ์ในพื้นที่ต่างๆที่ได้รับผลกระทบจากพายุฤดูร้อน รวมทั้งผลกระทบจากการเกิดลมกรรโชกแรง จะได้คลี่คลายไปแล้ว แต่เจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องยังคงต้องทำงานอย่างต่อเนื่องเพื่อเร่งเบิกจ่ายเงินเยียวยาตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2562 และหลักเกณฑ์การใช้จ่ายเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2563 ซึ่งเป็นอีกขั้นตอนหนึ่งที่สำคัญนอกจากการเร่งเข้าไปช่วยเหลือขณะเกิดภัยแล้ว การฟื้นฟูสภาพบ้านเรือนพี่น้องประชาชนและสถานการณ์โดยรวมในพื้นที่ให้กลับสู่สภาวะปกตินั้นก็เป็นสิ่งจำเป็นเช่นเดียวกัน ซึ่งในส่วนนี้ก็ได้เน้นย้ำให้ผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ และปภ.ให้เร่งสรุปข้อมูลและจัดประชุมในการอนุมัติงบประมาณตามระเบียบฯที่ผู้ว่าฯ มีอำนาจเบิกจ่ายให้การช่วยเหลือให้ได้โดยเร็วที่สุด นอกจากนี้ในส่วนการติดตามสถานการณ์พายุฤดูร้อนก็ยังต้องมีการแจ้งเตือนพี่น้องประชาชนอยู่อย่างต่อเนื่องเพราะสภาพอากาศที่ร้อนจัดสลับลมแรงยังคงเกิดขึ้นทุกพื้นที่ไปจนถึงเดือนพฤษภาคม ทำให้เกิดความเสี่ยงต่อการเกิดสถานการณ์พายุ ลมกรรโชกแรงขึ้นอีก ทั้งนี้ รัฐบาลโดยท่านพล.อ.ประยุทธ์ นายกรัฐมนตรี และท่านพล.อ.อนุพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และคณะรัฐมนตรีทุกคน ไม่อยากให้เกิดการสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ดังนั้นการเตรียมการต่างๆเพื่อป้องกันสถานการณ์ภัยจำเป็นต้องดีและพร้อมที่สุด”

อ่านรายละเอียด
Get in touch on Messenger!
Typically replies within a day
สวัสดีค่ะ ส่งคำถามที่คุณสงสัยถึงเราได้เลย แล้วเจ้าหน้าที่จะกลับมาตอบกลับ หรือติดต่อกลับ ขอบคุณค่ะ
Start Chat
Free chat ⚡ by GetChat.app