“นิพนธ์” นำชาวสงขลาร่วมงานบุญใหญ่สมโภช “เสาหลักเมืองสงขลา” ครบรอบ 179 ปี สืบสานวัฒนธรรมประวัติศาสตร์ความดีงาม แทนคุณแผ่นดิน เสริมศิริมงคลให้ชีวิต
เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 10 มีนาคม 2564 ที่ บริเวณหน้าศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสงขลาถ.นางงาม อ.เมืองสงขลา นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานในพิธีทำบุญตักบาตรเนื่องในพิธีสมโภชเสาหลักเมืองสงขลาครบ 179 ปี โดยมีนายจารุวัฒน์ เกลี้ยงเกลา ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา นางกัญจนา เกลี้ยงเกลา ประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดสงขลา นางสุรียพรรณ์ ณ สงขลา นายวรณัฏฐ์ หนูรอต รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ และประชาชนชาวสงขลา เข้าร่วมภายใต้มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดโรคโควิด-19
สำหรับความเป็นมาของเสาหลักเมืองสงขลา จากการศึกษาหลักฐานทางประวัติศาสตร์ พบว่า เมืองสงขลาย้ายสถานที่ตั้งเมืองมาแล้ว 3 ครั้ง โดยเริ่มจาก
เมืองสงขลาฝั่งหัวเขาแดง ซึ่งปรากฎหลักฐานทางโบราณสถานและโบราณวัตถุหลายแห่ง แต่บ้านเมืองถูกทำลายจากภัยสงครามจนหมดสิ้น จึงย้ายเมืองมาตั้งที่ฝั่งแหลมสน แต่ต้องประสบปัญหาขาดแคลนน้ำ และลักษณะภูมิศาสตร์เป็นพื้นที่ลาดชัน ไม่มีพื้นที่ราบเพียงพอในการขยายเมือง จึงย้ายเมืองอีกครั้งหนึ่งโดยข้ามทะเลมาอยู่ที่ฝั่งบ่อยาง ซึ่งเป็นเมืองสงขลาในปัจจุบัน โดยในสมัยรัชกาลที่ 3 และในประชุมพงศาวตารได้ระบุความตอนหนึ่งว่า “ครั้น ณ วันเดือน 4 ขึ้น 10 ค่ำ เวลาเช้าเก้าโมง 1 กับ 10 นาที ได้ฤกษ์ พระยาสงขลา
(เถี้ยนเส้ง) กับพระครูอัษฎาจารย์พราหมณ์ได้เชิญหลักไม้ชัยพฤกษ์ลงฝังไว้ที่กลางเมืองสงขลา เป็นเสาหลักเมือง
มีปรากฎอยู่จนทุกวันนี้” ซึ่งตามปฏิทินสุริยคติตรงกับวันที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2385 หรือเมื่อ 179 ปีมาแล้ว และจากหลักฐานทางประวัติศาสตร์ ประเพณี วัฒนธรรมดังกล่าว แสดงให้เห็นถึงความสำคัญทางประวัติศาสตร์ของเมืองสงขลา รวมทั้งการตั้งถิ่นฐานของเมืองสงขลาในอดีต จึงเห็นควรกำหนดให้วันที่
๑๐ มีนาคมของทุกปีเป็น “วันสงขลา ” เพื่อระลึกถึงการสถาปนาเมืองสงขลาในยุคปัจจุบัน แม้ความจริงจะมี
ประวัติศาสตร์ยาวนานหลายร้อยปีแล้วก็ตาม เพื่อให้ผู้ที่อาศัยบนแผ่นดินนี้ ทั้งที่เป็นถิ่นกำเนิด พักพิง
ศึกษาเล่าเรียน และประกอบอาชีพอยู่ทุกหนแห่งในปัจจุบันได้ตระหนัก มีจิตสำนึก และนำมาซึ่งการรวมพลัง
สร้างความรัก ความสามัคคีดำเนินกิจกรรมร่วมกันเป็นการตอบแทนบุญคุณแผ่นดินสืบไป
นอกจากนี้ ภายในศาลหลักเมืองสงขลา ยังมีองค์เทพศักดิ์สิทธิ์ที่คอยปกป้องรักษาเมืองให้พ้นภัยพิบัติต่างๆ และเป็นที่เคารพสักการะ มีองค์เทพเจ้าศักดิ์สิทธิ์ เสี่ยงฮ๋องเหล่าเอี๋ย เจ้าพ่อหลักเมืองสงขลา พระเสื้อเมือง โบ้เชงไต่เต่ พระหมอรักษา ตี่ฮู่อ๋องเอี๋ย เทพเจ้ารักษาโรค และเฉ่งจุ้ยจ้อ พระหมอเทพรักษาโรคภัยของชาวสงขลา ทั้งนี้กรมศิลปากรได้ประกาศขึ้นทะเบียนศาลหลักเมืองเป็นโบราณสถาน เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2478 และในทุกวันที่ 10 มี.ค.จะมีการจัดสมโภชเป็นประจำทุกปีอีกด้วย