องค์การจัดการน้ำเสีย กระทรวงมหาดไทย
ข่าวสารจากองค์กร
อัพเดทล่าสุด

เมื่อวันศุกร์ที่ 15 มีนาคม 2567 นายเกรียง กัลป์ตินันท์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เดินทางไปตรวจเยี่ยมการดำเนินงานขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การพัฒนาคุณภาพน้ำคลองแม่ข่า

เมื่อวันศุกร์ที่ 15 มีนาคม 2567 นายเกรียง กัลป์ตินันท์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เดินทางไปตรวจเยี่ยมการดำเนินงานขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การพัฒนาคุณภาพน้ำคลองแม่ข่า บริเวณชุมชนหัวฝาย และชุมชนกำแพงงาม จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีนายชีระ วงศบูรณะ ผู้อำนวยการองค์การจัดการน้ำเสีย ผศ.ดร.วสันต์ จอมภักดี ที่ปรึกษาคณะกรรมการและคณะทำงานโครงการพัฒนาและแก้ไขปัญหาคลองแม่ข่า จังหวัดเชียงใหม่ พร้อมผู้นำชุมชน และประชาชนจากชุมชมทั้ง 2 แห่ง ร่วมให้การต้อนรับ ในการนี้ นายเกรียง กัลป์ตินันท์ ได้มอบหมายให้องค์การจัดการน้ำเสียจัดฝึกอบรมการติดตั้งและดูแลรักษาถังดักไขมันให้กับประชาชนในชุมชน เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมในการลดความสกปรกของน้ำทิ้งจากครัวเรือน และเป็นหนึ่งในกลไกสำคัญที่ช่วยสนับสนุนการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การพัฒนาคุณภาพน้ำคลองแม่ข่า จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อคุณภาพชีวิตของประชาชนและสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน อีกทั้งยังสอดคล้องกับนโยบายของกระทรวงมหาดไทยที่กำหนดให้การจัดการน้ำเสียชุมชนเป็นภารกิจสำคัญในระดับพื้นที่โดยมีเป้าหมายบำบัดน้ำเสียจากชุมชนให้มีคุณภาพตามเกณฑ์มาตรฐานน้ำทิ้งชุมชนก่อนปล่อยลงสู่แหล่งน้ำสาธารณะอีกด้วย สามารถรับวีดีโอได้ที่นี่ : https://www.youtube.com/watch?v=v7vwFgQgFf8

อ่านรายละเอียด

นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (มท.2) หนุนท้องถิ่นประสาน รพ.สต.กระจายวัคซีนให้ครอบคลุมทุกพื้นที่

“นิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย สนับสนุนองค์กรปกครองท้องถิ่นประสาน รพ.สต.ช่วยกระจายวัคซีนให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ 8 พ.ค. 64 นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยถึงการดำเนินการของการเร่งรัดการฉีดวัคซีนว่า รัฐบาลมีความตั้งใจที่จะให้คนไทยได้รับวัคซีนให้ครอบคลุมทั่วทั้งประเทศให้ได้โดยเร็วที่สุด โดยมีการกระจายไปยังพื้นที่จังหวัดต่างๆเพื่อให้ประชาชนในภูมิภาคต่างๆได้รับวัคซีนอย่างทั่วถึง แต่ก็ยังมีการเรียกร้องให้มีการกระจายให้ครอบคลุมมากกว่าที่เป็นอยู่โดยพี่น้องประชาชนยังมีข้อจำกัดในเรื่องการเดินทางเข้ามารับวัคซีนยังพื้นที่ตัวเมืองของอำเภอและจังหวัด ที่มีการบริการฉีดวัคซีน ประกอบกับการเปิดให้ประชาชนได้ลงทะเบียนในแอพลิเคชั่น”หมอพร้อม”เพื่อรับวัคซีน ซึ่งจนถึงวันนี้ก็มีปรากฎว่ายังมีผู้จองฉีดวัคซีนในเปอร์เซ็นต์ที่น้อยอยู่ ซึ่งอาจเกิดจากปัญหาในเรื่องความรู้ความเข้าใจถึงวัคซีนชนิดต่างๆ ทำให้ประชาชนไม่ประสงค์ลงทะเบียน รวมถึง ปัญหาในเรื่องการเข้าถึงระบบลงทะเบียน เป็นต้น ตลอดจนข้อจำกัดในเรื่องต่างๆ ที่อาจทำให้ประชาชนเข้าถึงวัคซีนได้ช้าลง ซึ่งไม่เป็นไปตามความตั้งใจของท่านนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลที่ต้องการให้พี่น้องประชาชนได้รับวัคซีนเพื่อบรรเทาความรุนแรงจากการโรคโควิด-19 ให้ได้โดยเร็วและทั่วถึงทุกกลุ่ม โดย นายนิพนธ์  ได้เสนอถึงการจัดการในเรื่องดังกล่าวเพื่อเร่งรัดการกระจายให้ครอบคลุมทุกพื้นที่เพื่อความรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยเสนอให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีกลไกเครือข่ายในทุกพื้นที่ตั้งแต่ระดับหมู่บ้าน ตำบล ได้ประสานการปฏิบัติร่วมกับโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบล(รพ.สต.) ที่มีเจ้าหน้าที่สาธารณสุขและอสม.อยู่ครอบคลุมทุกหมู่บ้าน พร้อมทั้งการเสริมการปฏิบัติการร่วมกับกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่ ฯลฯ เพื่อเป็นการข้อจำกัด ลดภาระค่าใช้จ่ายในการเดินทางของพี่น้องประชาชน และช่วยแบ่งเบาภาระหน้าที่ของเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในตัวเมืองระดับอำเภอ ระดับจังหวัดได้อีกทางหนึ่ง รวมทั้งเจ้าหน้าที่ยังสามารถเข้าไปสำรวจทำความเข้าใจที่ถูกต้องในเรื่องวัคซีนให้แก่พี่น้องประชาชนได้อย่างครบถ้วนอีกด้วย

อ่านรายละเอียด

นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (มท.2) ห่วงผู้ปฎิบัติหน้าที่มอบชุด PPE และหน้ากากอนามัย ให้หน่วยแพทย์ฉุกเฉิน 1669 อบจ.สงขลา พร้อมขอความร่วมมือทุกฝ่าย สนับสนุนการทำงานของเจ้าหน้าที่สาธารณสุข เพื่อป้องกันและควบคุมสถานการณ์ COVID-19

นิพนธ์ ห่วงผู้ปฎิบัติหน้าที่มอบชุด PPE และหน้ากากอนามัย ให้หน่วยแพทย์ฉุกเฉิน 1669 อบจ.สงขลา พร้อมขอความร่วมมือทุกฝ่าย สนับสนุนการทำงานของเจ้าหน้าที่สาธารณสุข เพื่อป้องกันและควบคุมสถานการณ์ COVID-19 เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2564 นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้เดินทางไปมอบชุด PPE และหน้ากากอนามัยให้แก่ศูนย์ปฏิบัติการการแพทย์ฉุกเฉิน(1669) ขององค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา เพื่อแจกจ่ายให้หน่วยแพทย์ฉุกเฉิน โดยมีนายไพเจน มากสุวรรณ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา นายชัยวุฒิ ผ่องแผ้ว รองนายก อบจ.สงขลา นายประพันธ์ ศรีสุวรรณ ปลัด อบจ.สงขลา นายนิพัฒน์ อุดมอักษร เลขานุการนายก อบจ.สงขลา นางสาวปรินดา ปาลาเร่ เลขานุการนายก อบจ.สงขลา และข้าราชการในสังกัด อบจ.สงขลาให้การต้อนรับ พร้อมกันนี้ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้เข้าตรวจเยี่ยมการปฏิบัติหน้าที่ของศูนย์ปฏิบัติการการแพทย์ฉุกเฉิน (1669) ขององค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลาอีกด้วย รมช.มท. กล่าวว่า “วันนี้เป็นการนำชุด PPE และหน้ากากอนามัย มามอบให้กับศูนย์ปฏิบัติการการแพทย์ฉุกเฉินขององค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา ซึ่งถือว่าเป็นหน่วยงานที่ดูแลระบบการแพทย์ฉุกเฉินของสงขลาทั้งจังหวัด ฉะนั้นถือว่า หน่วยการแพทย์ฉุกเฉิน1669 เป็นผู้ปฏิบัติที่ต้องเผชิญภัยความเสี่ยงในการเข้าช่วยเหลือพี่น้องประชาชน และทำให้บุคลากรเหล่านี้ต้องมีความเสี่ยงในการช่วยเหลือมากกว่าปกติ เพราะไม่สามารถรู้ได้ว่าคนที่เราเข้าไปช่วยเหลือนั้นเป็นผู้ที่ได้รับเชื้อหรือไม่อย่างไร ดังนั้นการที่เราจะดูแลความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ ต้องถือว่าเป็นความสำคัญในระดับต้นๆที่ต้องดูแลเป็นพิเศษ เพราะหากเจ้าหน้าที่ไปรับเชื้อหรือสัมผัสใกล้ชิดโดยไม่มีการป้องกัน หากเจ้าหน้าที่โดนกักตัว หรือโดนงดการปฏิบัติหน้าที่ เราก็จะไม่มีคนมาช่วยเหลือชาวบ้าน ฉะนั้นเมื่อบุคลากรเรามีจำกัด การที่จะรักษาความปลอดภัยในบุคลากรของเราทำให้การปฏิบัติหน้าที่เป็นไปด้วยความปลอดภัย ลดความเสี่ยงในการที่จะสัมผัสกับบุคคลที่ติดเชื้อ หรือได้รับเชื้อ COVID-19 จึงเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง” รมช.มท กล่าวต่ออีกว่า “ชุด PPE และหน้ากากอนามัย ที่นำมามอบให้กับองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลาในวันนี้ ประสงค์ที่จะให้แจกจ่ายไปยังศูนย์ปฏิบัติงานการแพทย์ฉุกเฉินของจังหวัดสงขลา โดยมีชุด PPE จำนวน 100 ชุด และหน้ากากอนามัยจำนวน 4,000 ชิ้นเป็นการสนับสนุนในเบื้องต้น และขอถือโอกาสนี้เรียนเชิญทุกท่านที่มีกำลังทุนทรัพย์ อยากให้ช่วยกันดูแลการปฏิบัติหน้าที่ของการแพทย์ฉุกเฉินทั้งประเทศ และบุคลากรสาธารณสุข ทุกพื้นที่ ใครอยู่ใกล้พื้นที่ใดก็อยากให้ช่วยกันดูแลพื้นที่นั้น เพราะบุคคลเหล่านี้มีค่อนข้างจำกัด และไม่ทราบว่าสถานการณ์ COVID-19 จะยุติลงเมื่อไหร่ ฉะนั้นการดูแลรักษาบุคลากรที่ผ่านการฝึกอบรมอย่างดีแล้ว ในการเข้าไปช่วยเหลือพี่น้องประชาชน จึงต้องทำให้คนกลุ่มนี้มีความปลอดภัย และมั่นใจในการปฏิบัติหน้าที่ด้วย นี่ัคือสิ่งที่เราจะดูแลความปลอดภัยของผู้ปฏิบัติหน้าที่ เพื่อช่วยเหลือประชาชนได้ต่อไป”

อ่านรายละเอียด

นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (มท.2) ย้ำ นโยบายความปลอดภัยทางถนน แก่ผู้ว่าฯทั่วประเทศ ใช้กลไปศปถ.ทุกระดับ ตั้งเป้าลดตายปีละ 5% เร่งหน่วยเกี่ยวข้องบูรณาการร่วมการแพทย์ฉุกเฉิน ลดยอดเจ็บ-ตายให้เป็นรูปธรรม

เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 4 เมษายน 2564 ที่ห้องประชุมนริศรานุสรณ์ กรมโยธาธิการและผังเมือง กรุงเทพมหานคร นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เข้าร่วมการประชุมมอบนโยบายและข้อราชการสำคัญของกระทรวงมหาดไทย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 โดยมีพลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นประธานการประชุม พร้อมด้วยนายทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงมหาดไทย หัวหน้าหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ ผู้ว่าราชการจังหวัด และผู้เกี่ยวข้อง เข้าร่วมการประชุมรับมอบนโยบาย นายนิพนธ์ กล่าวมอบนโยบายว่า “กระทรวงมหาดไทยขับเคลื่อนงาน โดยยึดหลักการทำงานเชิงรุกตอบสนองการขับเคลื่อนภารกิจในการ “บำบัดทุกข์ บำรุงสุข” โดยเฉพาะอย่างยิ่งการดำเนินงานด้านความปลอดภัยทางถนนในช่วงเทศกาลสงกรานต์และเทศกาลสำคัญทุกเทศกาล ซึ่งจากการวิเคราะห์ข้อมูลการเกิดอุบัติเหตุปี 2559 มีผู้เสียชีวิต 22,000 ราย ปี 2563 ลดลงเหลือ 18,000 ลดลงมา 5 % ถ้าเราตั้งเป็น 10 ปี ก็จะลดลง 50% อันนี้ถือเป็นประโยชน์แก่ส่วนรวม จึงขอกำชับนโยบายดังกล่าวกับผู้ว่าราชการทุกจังหวัด ให้บูรณาการการทำงานร่วมกับหน่วยงานภาคีตั้งแต่ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน(ศปถ.) ทั้งระดับจังหวัด ระดับอำเภอ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในการบูรณาการความร่วมมือ เพราะถนน 70 % อยู่ในการดูแลขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เรามีถนนทั่วทั้งประเทศประมาณ 400,000 กว่ากิโลเมตร อยู่ในการดูแลของกรมทางหลวง 50,000 กว่ากิโลเมตร อยู่ในการดูแลของทางหลวงชนบท 40,000 กิโลเมตร อยู่ในกำกับการดูแลของกทม. 4,000 กิโลเมตร อยู่ในกำกับการดูแลของพัทยา 200 กว่ากิโลเมตร และอยู่ในกำกับดูแลของ อบจ. อบต. เทศบาล ทั่วประเทศ 300,000 กว่ากิโลเมตร เมื่อเทียบเคียงกันแล้ว อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นก็ล้วนอยู่ในการดูแลของท้องถิ่น “ จึงขอให้ทางผู้ว่าราชการจังหวัดเน้นย้ำกับนายอำเภอ เวลาประชุมศปถ.อำเภอ และผู้บริหารท้องถิ่น ให้ใส่ใจในเรื่องเหล่านี้ด้วย โดยเฉพาะปีนี้เราได้มีการเลือกตั้งเปลี่ยนผู้นำ ผู้บริหารท้องถิ่นทั้งระดับอบจ. เทศบาล และในอนาคตอันใกล้จะมีการเลือกผู้บริหารองค์การบริหารส่วนตำบล คนที่เข้ามาใหม่จึงไม่สันทัดบทบาทและหน้าที่เหล่านี้ จึงถือโอกาสนี้เน้นย้ำให้ผู้ว่าราชการจังหวัดได้ใช้กลไกล ศปถ.อำเภอลงลึกเพื่อให้ครอบคุมการลดอุบัติเหตุ ลดการเสียชีวิตในส่วนของท้องถิ่นต่างๆให้ได้ พร้อมบรูณาการร่วมกับการแพทย์ฉุกเฉินก็จะสามารถลดการเสียชีวิตบนท้องถนนลงได้มากจึงขอเน้นย้ำฝากนโยบายนี้” นายนิพนธ์กล่าว

อ่านรายละเอียด

นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (มท.2) บรรยายพิเศษ”กฎหมายและอำนาจหน้าที่อปท.-นครหลวง” ชี้ รธน.ให้ความสำคัญการกระจายอำนาจฯมีวิวัฒนาการที่ดีอย่างต่อเนื่อง ยืนยัน “ถ้าท้องถิ่นเข้มแข็ง ประเทศชาติก็เข้มแข็ง” นำไปสู่การลดความเหลื่อมล้ำในทุกด้านของประเทศ

นิพนธ์ บรรยายพิเศษ”กฎหมายและอำนาจหน้าที่อปท.-นครหลวง” ชี้ รธน.ให้ความสำคัญการกระจายอำนาจฯมีวิวัฒนาการที่ดีอย่างต่อเนื่อง ยืนยัน “ถ้าท้องถิ่นเข้มแข็ง ประเทศชาติก็เข้มแข็ง” นำไปสู่การลดความเหลื่อมล้ำในทุกด้านของประเทศ เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2564 ที่โรงแรมสวิสโฮเต็ล กรุงเทพฯ กรุงเทพมหานคร นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นวิทยากรพิเศษ บรรยาย ในหัวข้อ “กฎหมายและอำนาจหน้าที่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและนครหลวง” ในการศึกษาอบรมหลักสูตร “ผู้บริหารระดับสูงด้านการพัฒนาผู้นำเมือง” (ผู้นำเมือง รุ่น 6) จัดขึ้นโดยมหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช มีวัตถุประสงค์ในการสร้างทัศนคติความรู้ความเข้าใจ ด้านการบริหารจัดการปกครองส่วนท้องถิ่น ให้กับผู้นำภาครัฐ ภาคเอกชน สามารถบูรณาการแนวความคิดทางการบริหารองค์กร การบริหารท้องถิ่นร่วมกันต่อการพัฒนาเมืองและท้องถิ่นอย่างยั่งยืน นายนิพนธ์ ได้บรรยายสรุปเกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ขององค์กรปกครองท้องถิ่นไทยผ่านประสบการณ์การทำงาน มุมมอง และวิสัยทัศน์ ตลอดช่วงที่ผ่านมาว่า “ระบบราชการไทยแบ่งการบริหารราชการส่วนกลาง ราชการส่วนภูมิภาค และราชการส่วนท้องถิ่น จึงต้องมีการกระจายอำนาจจากส่วนกลางลงสู่ท้องถิ่น โดยมีพัฒนาการมาอย่างยาวนาน รัฐธรรมนูญปี2540 เป็นฉบับแรก ที่มีการกระจายอำนาจให้ท้องถิ่นอย่างเป็นรูปธรรม ขณะที่รัฐธรรมนูญปี 2550 และ 2560 ฉบับปัจจุบันก็มีการกำหนดการกระจายอำนาจให้ท้องถิ่นไว้อย่างชัดเจนเช่นเดียวกัน เป็นการยกฐานะของส่วนท้องถิ่นที่รัฐธรรมนูญรับรองสถานะขององค์กรท้องถิ่น และส่วนตัวก็เชื่อมั่นในหลักการกระจายอำนาจ ดังนั้นเมื่อจบเนติบัญฑิตไทย ก็ไม่ไปสอบอัยการ หรือผู้พิพากษา แต่มุ่งเป้ามาสมัครเป็น ส.จ. เป็นสจ. สองสมัย และเป็นส.ส. และเป็นอดีตนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา (นายก อบจ.) ครั้งเป็น ส.ส.สมัยแรกเมื่อปี 2535 ในรัฐบาลชวน หลีกภัยได้มีส่วนร่วมในการผลักดันพระราชบัญญัติสภาตำบล ที่ยกฐานะสภาตำบล ขึ้นมาเป็นองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) หลังจากที่มีนโยบายการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพิ่มอำนาจให้ประชาชนจะเป็นแนวทางที่จะลดช่องว่างระหว่างเมืองกับชนบท นี่คือการลดความเหลื่อมล้ำ เรามีเมืองใหม่ๆเกิดขึ้นเยอะมาก เมืองต่างๆก็โตอย่างรวดเร็ว ซึ่งกลไกรัฐแบบเดิมๆจะไม่สามารถดูแลได้ ยกตัวอย่างการจัดบริการด้านสุขภาพ ท้องถิ่นสามารถจัดบริการสาธารณะเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนได้หลากหลาย การให้บริการรักษาพยาบาลเบื้องต้น การตรวจคัดกรองสุขภาพเบื้องต้น ที่เห็นได้ชัดเจนคือ งานป้องกันควบคุมโรคและงานส่งเสริมสุขภาพ ท้องถิ่นสามารถทำได้ดี วันนี้ต้องยอมรับว่าเรื่องการกระจายอำนาจฯสามารถก้าวมาได้เยอะมากแล้ว ตนเชื่อมั่นว่าเรื่องการกระจายอำนาจจะทำให้ท้องถิ่นเกิดความเข้มแข้ง การทำให้ชุมชนเข้มแข็ง แล้วสามารถยืนบนขาของตัวเองได้ จะนำไปสู่การทำประเทศชาติให้เข้มแข็งและนำไปสู่การลดความเหลื่อมล้ำในทุกๆด้านของประเทศ

อ่านรายละเอียด

พิธีวางพุ่มดอกไม้ถวายสักการะพระอนุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ เนื่องในวันที่ระลึกวันคล้ายวันสถาปนากระทรวงมหาดไทย ประจำปี 2564 (ครบรอบ 129 ปี )

วันที่ 1 เมษายน 2564 พลเอกอนุพงศ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานในพิธีวางพุ่มดอกไม้ถวายสักการะพระอนุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ เนื่องในวันที่ระลึกวันคล้ายวันสถาปนากระทรวงมหาดไทย ประจำปี 2564 (ครบรอบ 129 ปี ) พร้อมทั้งกล่าวคำถวายสดุดี ที่บริเวณด้านหน้าศาลาว่าการกระทรวงมหาดไทย เนื่องในวันที่ระลึกคล้ายวันสถาปนากระทรวงมหาดไทยและน้อมระลึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ทรงมีพระบรมราชโองการจัดตั้งกระทรวงมหาดไทยขึ้น เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2435 และทรงมอบหมายให้สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ เป็นองค์ปฐมเสนาบดี กระทรวงมหาดไทย ซึ่งพระองค์ทรงวางรากฐานให้กระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานที่มุ่งเน้นการบำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ประชาชน ในการนี้ นายชีระ วงศบูรณะ ผู้อำนวยการองค์การจัดการน้ำเสีย นำคณะผู้บริหารและพนักงานองค์การจัดการน้ำเสียเข้าร่วมในพิธีดังกล่าวด้วย

อ่านรายละเอียด

นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (มท.2) รณรงค์แคมเปญ “ประหยัดน้ำ สู้วิกฤตภัยแล้ง” ปลุกพลังคนไทย ร่วมมือร่วมใจสร้างจิตสำนึกสังคมไทยใช้ทรัพยากรน้ำอย่างรู้คุณค่าและประหยัด เพื่อลูกหลานไทยมีน้ำใช้อย่างยั่งยืน

นิพนธ์ รณรงค์แคมเปญ “ประหยัดน้ำ สู้วิกฤตภัยแล้ง” ปลุกพลังคนไทย ร่วมมือร่วมใจสร้างจิตสำนึกสังคมไทยใช้ทรัพยากรน้ำอย่างรู้คุณค่าและประหยัด เพื่อลูกหลานไทยมีน้ำใช้อย่างยั่งยืน เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2564 ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา เวสต์เกต จ.นนทบุรี นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานเปิดกิจกรรมรณรงค์ “ประหยัดน้ำ สู้วิกฤตภัยแล้ง” ปลุกพลังคนไทย ร่วมมือร่วมใจฝ่าวิกฤต เพื่อปลุกจิตสำนึก กระตุ้นให้ประชาชนร่วมใจกันใช้น้ำอย่างประหยัดเพื่อผ่านวิกฤตภัยแล้งนี้ไปด้วยกัน โดยมี นายนิสิต จันทร์สมวงศ์ ประธานกรรมการ กปน. นายกวี อารีกุล ผู้ว่าการ กปน. คณะผู้บริหารจากกปน. ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี เข้าร่วมกิจกรรมรณรงค์ฯ นายนิพนธ์ กล่าวว่า “สถานการณ์ภัยแล้งในปีนี้ประเทศไทยต้องเผชิญกับภาวะภัยแล้งอย่างรุนแรง จากสภาวะอากาศที่เปลี่ยนแปลงไปปริมาณน้ำดิบในการผลิตน้ำประปามีน้อยไม่เพียงพอต่อความต้องการ ประกอบกับสถานการณ์น้ำทะเลหนุนสูงในแม่น้ำเจ้าพระยาส่งผลให้น้ำประปาในบางช่วงเวลา ในพื้นที่ฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยา มีรสชาติเปลี่ยนแปลงไป การประปานครหลวงมีมาตรการรองรับสถานการณ์ภัยแล้ง มีกระบวนการ และขั้นตอนการทำงานในช่วงน้ำทะเลหนุนสูงทำให้น้ำประปาที่ผลิตได้ยังคงคุณภาพมาตรฐานองค์การอนามัยโลก(WHO) เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่กรุงเทพมหานคร นนทบุรี และสมุทรปราการ มีน้ำใช้สำหรับการอุปโภคบริโภค อย่างเพียงพอตลอดฤดูแล้งนี้” “ จึงชวนประชาชนทุกภาคส่วนในกรุงเทพฯ นนทบุรี และสมุทรปราการ ร่วมกันใช้น้ำประปาอย่างรู้คุณค่าทั้งในช่วงปกติและช่วงวิกฤตภัยแล้ง ไม่ปล่อยน้ำไหลทิ้งไปโดยเปล่าประโยชน์ สงวนต้นทุนน้ำของประเทศ โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ประเทศไทยต้องเผชิญกับภาวะภัยแล้ง จนนำไปปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้น้ำอย่างรู้คุณค่าให้คนรุ่นใหม่ที่ใส่ใจกับการประหยัดน้ำมากยิ่งขึ้น ผมเชื่อว่าความพยายามของพวกเราที่พร้อมจะปลุกพลังร่วมมือร่วมใจใช้น้ำอย่างประหยัดและมีประสิทธิภาพ จะทำให้เราผ่านพ้นวิกฤตภัยแล้งไปได้ ส่งผลให้ภาพรวมของประเทศมีน้ำใช้อย่างเพียงพอเพื่อให้ลูกหลานของเราได้มีน้ำประปาสะอาด ปลอดภัยใช้อย่างยั่งยืนตลอดไป” นายนิพนธ์กล่าว

อ่านรายละเอียด

นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (มท.2) หนุนท้องถิ่นประสาน รพ.สต.กระจายวัคซีนให้ครอบคลุมทุกพื้นที่

“นิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย สนับสนุนองค์กรปกครองท้องถิ่นประสาน รพ.สต.ช่วยกระจายวัคซีนให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ 8 พ.ค. 64 นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยถึงการดำเนินการของการเร่งรัดการฉีดวัคซีนว่า รัฐบาลมีความตั้งใจที่จะให้คนไทยได้รับวัคซีนให้ครอบคลุมทั่วทั้งประเทศให้ได้โดยเร็วที่สุด โดยมีการกระจายไปยังพื้นที่จังหวัดต่างๆเพื่อให้ประชาชนในภูมิภาคต่างๆได้รับวัคซีนอย่างทั่วถึง แต่ก็ยังมีการเรียกร้องให้มีการกระจายให้ครอบคลุมมากกว่าที่เป็นอยู่โดยพี่น้องประชาชนยังมีข้อจำกัดในเรื่องการเดินทางเข้ามารับวัคซีนยังพื้นที่ตัวเมืองของอำเภอและจังหวัด ที่มีการบริการฉีดวัคซีน ประกอบกับการเปิดให้ประชาชนได้ลงทะเบียนในแอพลิเคชั่น”หมอพร้อม”เพื่อรับวัคซีน ซึ่งจนถึงวันนี้ก็มีปรากฎว่ายังมีผู้จองฉีดวัคซีนในเปอร์เซ็นต์ที่น้อยอยู่ ซึ่งอาจเกิดจากปัญหาในเรื่องความรู้ความเข้าใจถึงวัคซีนชนิดต่างๆ ทำให้ประชาชนไม่ประสงค์ลงทะเบียน รวมถึง ปัญหาในเรื่องการเข้าถึงระบบลงทะเบียน เป็นต้น ตลอดจนข้อจำกัดในเรื่องต่างๆ ที่อาจทำให้ประชาชนเข้าถึงวัคซีนได้ช้าลง ซึ่งไม่เป็นไปตามความตั้งใจของท่านนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลที่ต้องการให้พี่น้องประชาชนได้รับวัคซีนเพื่อบรรเทาความรุนแรงจากการโรคโควิด-19 ให้ได้โดยเร็วและทั่วถึงทุกกลุ่ม โดย นายนิพนธ์  ได้เสนอถึงการจัดการในเรื่องดังกล่าวเพื่อเร่งรัดการกระจายให้ครอบคลุมทุกพื้นที่เพื่อความรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยเสนอให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีกลไกเครือข่ายในทุกพื้นที่ตั้งแต่ระดับหมู่บ้าน ตำบล ได้ประสานการปฏิบัติร่วมกับโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบล(รพ.สต.) ที่มีเจ้าหน้าที่สาธารณสุขและอสม.อยู่ครอบคลุมทุกหมู่บ้าน พร้อมทั้งการเสริมการปฏิบัติการร่วมกับกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่ ฯลฯ เพื่อเป็นการข้อจำกัด ลดภาระค่าใช้จ่ายในการเดินทางของพี่น้องประชาชน และช่วยแบ่งเบาภาระหน้าที่ของเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในตัวเมืองระดับอำเภอ ระดับจังหวัดได้อีกทางหนึ่ง รวมทั้งเจ้าหน้าที่ยังสามารถเข้าไปสำรวจทำความเข้าใจที่ถูกต้องในเรื่องวัคซีนให้แก่พี่น้องประชาชนได้อย่างครบถ้วนอีกด้วย

อ่านรายละเอียด

นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (มท.2) ห่วงผู้ปฎิบัติหน้าที่มอบชุด PPE และหน้ากากอนามัย ให้หน่วยแพทย์ฉุกเฉิน 1669 อบจ.สงขลา พร้อมขอความร่วมมือทุกฝ่าย สนับสนุนการทำงานของเจ้าหน้าที่สาธารณสุข เพื่อป้องกันและควบคุมสถานการณ์ COVID-19

นิพนธ์ ห่วงผู้ปฎิบัติหน้าที่มอบชุด PPE และหน้ากากอนามัย ให้หน่วยแพทย์ฉุกเฉิน 1669 อบจ.สงขลา พร้อมขอความร่วมมือทุกฝ่าย สนับสนุนการทำงานของเจ้าหน้าที่สาธารณสุข เพื่อป้องกันและควบคุมสถานการณ์ COVID-19 เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2564 นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้เดินทางไปมอบชุด PPE และหน้ากากอนามัยให้แก่ศูนย์ปฏิบัติการการแพทย์ฉุกเฉิน(1669) ขององค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา เพื่อแจกจ่ายให้หน่วยแพทย์ฉุกเฉิน โดยมีนายไพเจน มากสุวรรณ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา นายชัยวุฒิ ผ่องแผ้ว รองนายก อบจ.สงขลา นายประพันธ์ ศรีสุวรรณ ปลัด อบจ.สงขลา นายนิพัฒน์ อุดมอักษร เลขานุการนายก อบจ.สงขลา นางสาวปรินดา ปาลาเร่ เลขานุการนายก อบจ.สงขลา และข้าราชการในสังกัด อบจ.สงขลาให้การต้อนรับ พร้อมกันนี้ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้เข้าตรวจเยี่ยมการปฏิบัติหน้าที่ของศูนย์ปฏิบัติการการแพทย์ฉุกเฉิน (1669) ขององค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลาอีกด้วย รมช.มท. กล่าวว่า “วันนี้เป็นการนำชุด PPE และหน้ากากอนามัย มามอบให้กับศูนย์ปฏิบัติการการแพทย์ฉุกเฉินขององค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา ซึ่งถือว่าเป็นหน่วยงานที่ดูแลระบบการแพทย์ฉุกเฉินของสงขลาทั้งจังหวัด ฉะนั้นถือว่า หน่วยการแพทย์ฉุกเฉิน1669 เป็นผู้ปฏิบัติที่ต้องเผชิญภัยความเสี่ยงในการเข้าช่วยเหลือพี่น้องประชาชน และทำให้บุคลากรเหล่านี้ต้องมีความเสี่ยงในการช่วยเหลือมากกว่าปกติ เพราะไม่สามารถรู้ได้ว่าคนที่เราเข้าไปช่วยเหลือนั้นเป็นผู้ที่ได้รับเชื้อหรือไม่อย่างไร ดังนั้นการที่เราจะดูแลความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ ต้องถือว่าเป็นความสำคัญในระดับต้นๆที่ต้องดูแลเป็นพิเศษ เพราะหากเจ้าหน้าที่ไปรับเชื้อหรือสัมผัสใกล้ชิดโดยไม่มีการป้องกัน หากเจ้าหน้าที่โดนกักตัว หรือโดนงดการปฏิบัติหน้าที่ เราก็จะไม่มีคนมาช่วยเหลือชาวบ้าน ฉะนั้นเมื่อบุคลากรเรามีจำกัด การที่จะรักษาความปลอดภัยในบุคลากรของเราทำให้การปฏิบัติหน้าที่เป็นไปด้วยความปลอดภัย ลดความเสี่ยงในการที่จะสัมผัสกับบุคคลที่ติดเชื้อ หรือได้รับเชื้อ COVID-19 จึงเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง” รมช.มท กล่าวต่ออีกว่า “ชุด PPE และหน้ากากอนามัย ที่นำมามอบให้กับองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลาในวันนี้ ประสงค์ที่จะให้แจกจ่ายไปยังศูนย์ปฏิบัติงานการแพทย์ฉุกเฉินของจังหวัดสงขลา โดยมีชุด PPE จำนวน 100 ชุด และหน้ากากอนามัยจำนวน 4,000 ชิ้นเป็นการสนับสนุนในเบื้องต้น และขอถือโอกาสนี้เรียนเชิญทุกท่านที่มีกำลังทุนทรัพย์ อยากให้ช่วยกันดูแลการปฏิบัติหน้าที่ของการแพทย์ฉุกเฉินทั้งประเทศ และบุคลากรสาธารณสุข ทุกพื้นที่ ใครอยู่ใกล้พื้นที่ใดก็อยากให้ช่วยกันดูแลพื้นที่นั้น เพราะบุคคลเหล่านี้มีค่อนข้างจำกัด และไม่ทราบว่าสถานการณ์ COVID-19 จะยุติลงเมื่อไหร่ ฉะนั้นการดูแลรักษาบุคลากรที่ผ่านการฝึกอบรมอย่างดีแล้ว ในการเข้าไปช่วยเหลือพี่น้องประชาชน จึงต้องทำให้คนกลุ่มนี้มีความปลอดภัย และมั่นใจในการปฏิบัติหน้าที่ด้วย นี่ัคือสิ่งที่เราจะดูแลความปลอดภัยของผู้ปฏิบัติหน้าที่ เพื่อช่วยเหลือประชาชนได้ต่อไป”

อ่านรายละเอียด

นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (มท.2) ย้ำ นโยบายความปลอดภัยทางถนน แก่ผู้ว่าฯทั่วประเทศ ใช้กลไปศปถ.ทุกระดับ ตั้งเป้าลดตายปีละ 5% เร่งหน่วยเกี่ยวข้องบูรณาการร่วมการแพทย์ฉุกเฉิน ลดยอดเจ็บ-ตายให้เป็นรูปธรรม

เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 4 เมษายน 2564 ที่ห้องประชุมนริศรานุสรณ์ กรมโยธาธิการและผังเมือง กรุงเทพมหานคร นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เข้าร่วมการประชุมมอบนโยบายและข้อราชการสำคัญของกระทรวงมหาดไทย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 โดยมีพลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นประธานการประชุม พร้อมด้วยนายทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงมหาดไทย หัวหน้าหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ ผู้ว่าราชการจังหวัด และผู้เกี่ยวข้อง เข้าร่วมการประชุมรับมอบนโยบาย นายนิพนธ์ กล่าวมอบนโยบายว่า “กระทรวงมหาดไทยขับเคลื่อนงาน โดยยึดหลักการทำงานเชิงรุกตอบสนองการขับเคลื่อนภารกิจในการ “บำบัดทุกข์ บำรุงสุข” โดยเฉพาะอย่างยิ่งการดำเนินงานด้านความปลอดภัยทางถนนในช่วงเทศกาลสงกรานต์และเทศกาลสำคัญทุกเทศกาล ซึ่งจากการวิเคราะห์ข้อมูลการเกิดอุบัติเหตุปี 2559 มีผู้เสียชีวิต 22,000 ราย ปี 2563 ลดลงเหลือ 18,000 ลดลงมา 5 % ถ้าเราตั้งเป็น 10 ปี ก็จะลดลง 50% อันนี้ถือเป็นประโยชน์แก่ส่วนรวม จึงขอกำชับนโยบายดังกล่าวกับผู้ว่าราชการทุกจังหวัด ให้บูรณาการการทำงานร่วมกับหน่วยงานภาคีตั้งแต่ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน(ศปถ.) ทั้งระดับจังหวัด ระดับอำเภอ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในการบูรณาการความร่วมมือ เพราะถนน 70 % อยู่ในการดูแลขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เรามีถนนทั่วทั้งประเทศประมาณ 400,000 กว่ากิโลเมตร อยู่ในการดูแลของกรมทางหลวง 50,000 กว่ากิโลเมตร อยู่ในการดูแลของทางหลวงชนบท 40,000 กิโลเมตร อยู่ในกำกับการดูแลของกทม. 4,000 กิโลเมตร อยู่ในกำกับการดูแลของพัทยา 200 กว่ากิโลเมตร และอยู่ในกำกับดูแลของ อบจ. อบต. เทศบาล ทั่วประเทศ 300,000 กว่ากิโลเมตร เมื่อเทียบเคียงกันแล้ว อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นก็ล้วนอยู่ในการดูแลของท้องถิ่น “ จึงขอให้ทางผู้ว่าราชการจังหวัดเน้นย้ำกับนายอำเภอ เวลาประชุมศปถ.อำเภอ และผู้บริหารท้องถิ่น ให้ใส่ใจในเรื่องเหล่านี้ด้วย โดยเฉพาะปีนี้เราได้มีการเลือกตั้งเปลี่ยนผู้นำ ผู้บริหารท้องถิ่นทั้งระดับอบจ. เทศบาล และในอนาคตอันใกล้จะมีการเลือกผู้บริหารองค์การบริหารส่วนตำบล คนที่เข้ามาใหม่จึงไม่สันทัดบทบาทและหน้าที่เหล่านี้ จึงถือโอกาสนี้เน้นย้ำให้ผู้ว่าราชการจังหวัดได้ใช้กลไกล ศปถ.อำเภอลงลึกเพื่อให้ครอบคุมการลดอุบัติเหตุ ลดการเสียชีวิตในส่วนของท้องถิ่นต่างๆให้ได้ พร้อมบรูณาการร่วมกับการแพทย์ฉุกเฉินก็จะสามารถลดการเสียชีวิตบนท้องถนนลงได้มากจึงขอเน้นย้ำฝากนโยบายนี้” นายนิพนธ์กล่าว

อ่านรายละเอียด

นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (มท.2) บรรยายพิเศษ”กฎหมายและอำนาจหน้าที่อปท.-นครหลวง” ชี้ รธน.ให้ความสำคัญการกระจายอำนาจฯมีวิวัฒนาการที่ดีอย่างต่อเนื่อง ยืนยัน “ถ้าท้องถิ่นเข้มแข็ง ประเทศชาติก็เข้มแข็ง” นำไปสู่การลดความเหลื่อมล้ำในทุกด้านของประเทศ

นิพนธ์ บรรยายพิเศษ”กฎหมายและอำนาจหน้าที่อปท.-นครหลวง” ชี้ รธน.ให้ความสำคัญการกระจายอำนาจฯมีวิวัฒนาการที่ดีอย่างต่อเนื่อง ยืนยัน “ถ้าท้องถิ่นเข้มแข็ง ประเทศชาติก็เข้มแข็ง” นำไปสู่การลดความเหลื่อมล้ำในทุกด้านของประเทศ เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2564 ที่โรงแรมสวิสโฮเต็ล กรุงเทพฯ กรุงเทพมหานคร นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นวิทยากรพิเศษ บรรยาย ในหัวข้อ “กฎหมายและอำนาจหน้าที่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและนครหลวง” ในการศึกษาอบรมหลักสูตร “ผู้บริหารระดับสูงด้านการพัฒนาผู้นำเมือง” (ผู้นำเมือง รุ่น 6) จัดขึ้นโดยมหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช มีวัตถุประสงค์ในการสร้างทัศนคติความรู้ความเข้าใจ ด้านการบริหารจัดการปกครองส่วนท้องถิ่น ให้กับผู้นำภาครัฐ ภาคเอกชน สามารถบูรณาการแนวความคิดทางการบริหารองค์กร การบริหารท้องถิ่นร่วมกันต่อการพัฒนาเมืองและท้องถิ่นอย่างยั่งยืน นายนิพนธ์ ได้บรรยายสรุปเกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ขององค์กรปกครองท้องถิ่นไทยผ่านประสบการณ์การทำงาน มุมมอง และวิสัยทัศน์ ตลอดช่วงที่ผ่านมาว่า “ระบบราชการไทยแบ่งการบริหารราชการส่วนกลาง ราชการส่วนภูมิภาค และราชการส่วนท้องถิ่น จึงต้องมีการกระจายอำนาจจากส่วนกลางลงสู่ท้องถิ่น โดยมีพัฒนาการมาอย่างยาวนาน รัฐธรรมนูญปี2540 เป็นฉบับแรก ที่มีการกระจายอำนาจให้ท้องถิ่นอย่างเป็นรูปธรรม ขณะที่รัฐธรรมนูญปี 2550 และ 2560 ฉบับปัจจุบันก็มีการกำหนดการกระจายอำนาจให้ท้องถิ่นไว้อย่างชัดเจนเช่นเดียวกัน เป็นการยกฐานะของส่วนท้องถิ่นที่รัฐธรรมนูญรับรองสถานะขององค์กรท้องถิ่น และส่วนตัวก็เชื่อมั่นในหลักการกระจายอำนาจ ดังนั้นเมื่อจบเนติบัญฑิตไทย ก็ไม่ไปสอบอัยการ หรือผู้พิพากษา แต่มุ่งเป้ามาสมัครเป็น ส.จ. เป็นสจ. สองสมัย และเป็นส.ส. และเป็นอดีตนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา (นายก อบจ.) ครั้งเป็น ส.ส.สมัยแรกเมื่อปี 2535 ในรัฐบาลชวน หลีกภัยได้มีส่วนร่วมในการผลักดันพระราชบัญญัติสภาตำบล ที่ยกฐานะสภาตำบล ขึ้นมาเป็นองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) หลังจากที่มีนโยบายการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพิ่มอำนาจให้ประชาชนจะเป็นแนวทางที่จะลดช่องว่างระหว่างเมืองกับชนบท นี่คือการลดความเหลื่อมล้ำ เรามีเมืองใหม่ๆเกิดขึ้นเยอะมาก เมืองต่างๆก็โตอย่างรวดเร็ว ซึ่งกลไกรัฐแบบเดิมๆจะไม่สามารถดูแลได้ ยกตัวอย่างการจัดบริการด้านสุขภาพ ท้องถิ่นสามารถจัดบริการสาธารณะเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนได้หลากหลาย การให้บริการรักษาพยาบาลเบื้องต้น การตรวจคัดกรองสุขภาพเบื้องต้น ที่เห็นได้ชัดเจนคือ งานป้องกันควบคุมโรคและงานส่งเสริมสุขภาพ ท้องถิ่นสามารถทำได้ดี วันนี้ต้องยอมรับว่าเรื่องการกระจายอำนาจฯสามารถก้าวมาได้เยอะมากแล้ว ตนเชื่อมั่นว่าเรื่องการกระจายอำนาจจะทำให้ท้องถิ่นเกิดความเข้มแข้ง การทำให้ชุมชนเข้มแข็ง แล้วสามารถยืนบนขาของตัวเองได้ จะนำไปสู่การทำประเทศชาติให้เข้มแข็งและนำไปสู่การลดความเหลื่อมล้ำในทุกๆด้านของประเทศ

อ่านรายละเอียด

พิธีวางพุ่มดอกไม้ถวายสักการะพระอนุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ เนื่องในวันที่ระลึกวันคล้ายวันสถาปนากระทรวงมหาดไทย ประจำปี 2564 (ครบรอบ 129 ปี )

วันที่ 1 เมษายน 2564 พลเอกอนุพงศ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานในพิธีวางพุ่มดอกไม้ถวายสักการะพระอนุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ เนื่องในวันที่ระลึกวันคล้ายวันสถาปนากระทรวงมหาดไทย ประจำปี 2564 (ครบรอบ 129 ปี ) พร้อมทั้งกล่าวคำถวายสดุดี ที่บริเวณด้านหน้าศาลาว่าการกระทรวงมหาดไทย เนื่องในวันที่ระลึกคล้ายวันสถาปนากระทรวงมหาดไทยและน้อมระลึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ทรงมีพระบรมราชโองการจัดตั้งกระทรวงมหาดไทยขึ้น เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2435 และทรงมอบหมายให้สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ เป็นองค์ปฐมเสนาบดี กระทรวงมหาดไทย ซึ่งพระองค์ทรงวางรากฐานให้กระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานที่มุ่งเน้นการบำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ประชาชน ในการนี้ นายชีระ วงศบูรณะ ผู้อำนวยการองค์การจัดการน้ำเสีย นำคณะผู้บริหารและพนักงานองค์การจัดการน้ำเสียเข้าร่วมในพิธีดังกล่าวด้วย

อ่านรายละเอียด

นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (มท.2) รณรงค์แคมเปญ “ประหยัดน้ำ สู้วิกฤตภัยแล้ง” ปลุกพลังคนไทย ร่วมมือร่วมใจสร้างจิตสำนึกสังคมไทยใช้ทรัพยากรน้ำอย่างรู้คุณค่าและประหยัด เพื่อลูกหลานไทยมีน้ำใช้อย่างยั่งยืน

นิพนธ์ รณรงค์แคมเปญ “ประหยัดน้ำ สู้วิกฤตภัยแล้ง” ปลุกพลังคนไทย ร่วมมือร่วมใจสร้างจิตสำนึกสังคมไทยใช้ทรัพยากรน้ำอย่างรู้คุณค่าและประหยัด เพื่อลูกหลานไทยมีน้ำใช้อย่างยั่งยืน เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2564 ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา เวสต์เกต จ.นนทบุรี นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานเปิดกิจกรรมรณรงค์ “ประหยัดน้ำ สู้วิกฤตภัยแล้ง” ปลุกพลังคนไทย ร่วมมือร่วมใจฝ่าวิกฤต เพื่อปลุกจิตสำนึก กระตุ้นให้ประชาชนร่วมใจกันใช้น้ำอย่างประหยัดเพื่อผ่านวิกฤตภัยแล้งนี้ไปด้วยกัน โดยมี นายนิสิต จันทร์สมวงศ์ ประธานกรรมการ กปน. นายกวี อารีกุล ผู้ว่าการ กปน. คณะผู้บริหารจากกปน. ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี เข้าร่วมกิจกรรมรณรงค์ฯ นายนิพนธ์ กล่าวว่า “สถานการณ์ภัยแล้งในปีนี้ประเทศไทยต้องเผชิญกับภาวะภัยแล้งอย่างรุนแรง จากสภาวะอากาศที่เปลี่ยนแปลงไปปริมาณน้ำดิบในการผลิตน้ำประปามีน้อยไม่เพียงพอต่อความต้องการ ประกอบกับสถานการณ์น้ำทะเลหนุนสูงในแม่น้ำเจ้าพระยาส่งผลให้น้ำประปาในบางช่วงเวลา ในพื้นที่ฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยา มีรสชาติเปลี่ยนแปลงไป การประปานครหลวงมีมาตรการรองรับสถานการณ์ภัยแล้ง มีกระบวนการ และขั้นตอนการทำงานในช่วงน้ำทะเลหนุนสูงทำให้น้ำประปาที่ผลิตได้ยังคงคุณภาพมาตรฐานองค์การอนามัยโลก(WHO) เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่กรุงเทพมหานคร นนทบุรี และสมุทรปราการ มีน้ำใช้สำหรับการอุปโภคบริโภค อย่างเพียงพอตลอดฤดูแล้งนี้” “ จึงชวนประชาชนทุกภาคส่วนในกรุงเทพฯ นนทบุรี และสมุทรปราการ ร่วมกันใช้น้ำประปาอย่างรู้คุณค่าทั้งในช่วงปกติและช่วงวิกฤตภัยแล้ง ไม่ปล่อยน้ำไหลทิ้งไปโดยเปล่าประโยชน์ สงวนต้นทุนน้ำของประเทศ โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ประเทศไทยต้องเผชิญกับภาวะภัยแล้ง จนนำไปปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้น้ำอย่างรู้คุณค่าให้คนรุ่นใหม่ที่ใส่ใจกับการประหยัดน้ำมากยิ่งขึ้น ผมเชื่อว่าความพยายามของพวกเราที่พร้อมจะปลุกพลังร่วมมือร่วมใจใช้น้ำอย่างประหยัดและมีประสิทธิภาพ จะทำให้เราผ่านพ้นวิกฤตภัยแล้งไปได้ ส่งผลให้ภาพรวมของประเทศมีน้ำใช้อย่างเพียงพอเพื่อให้ลูกหลานของเราได้มีน้ำประปาสะอาด ปลอดภัยใช้อย่างยั่งยืนตลอดไป” นายนิพนธ์กล่าว

อ่านรายละเอียด