เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2567 องค์การจัดการน้ำเสีย โดยนายอมรชัย หิรัญรัตน์ ผู้จัดการสำนักงานจัดการน้ำเสียสาขากระบี่ พร้อมด้วยพนักงานของศูนย์บริหารจัดการคุณภาพน้ำเกาะพีพี ได้เข้าร่วมกิจกรรมวันป้องกันอุบัติภัยแห่งชาติ ครบรอบ 20 ปี เหตุการณ์สึนามิ ตำบลอ่าวนาง อำเภอเมืองกระบี่ จังหวัดกระบี่ โดยมีนายนิรันดร์ ปราบอักษร ปลัดจังหวัดกระบี่ เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วยนายพันคำ กิตติธรกุล นายก อบต.อ่าวนาง นายประเสริฐ วงษ์นา รองนายก อบต.อ่าวนาง พร้อมผู้บริหารภาครัฐ ภาคเอกชน พี่น้องประชาชนชาวไทย และชาวต่างชาติ เข้าร่วมงานทำบุญอุทิศส่วนกุศลแก่ผู้จากไปจากเหตุการณ์ดังกล่าว ณ ลานประติมากรรมปลาใบเกาะพีพี
เมื่อเวลา 09.00 น. วันพุธที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564 ที่โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ ลาดพร้าว กรุงเทพฯ ได้มีการจัดพิธีลงนามบันทึกความร่วมมือการบริหารจัดการน้ำเสียระหว่าง องค์การจัดการน้ำเสีย โดยนายชีระ วงศบูรณะ ผู้อำนวยการองค์การจัดการน้ำเสีย สังกัดกระทรวงมหาดไทย ร่วมกับ นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ สังกัด กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยมีนางสาวปรีญาพร สุวรรณเกษ รองอธิบดีกรมควบคุมมลพิษ และนายสุชัย เจนพจนารถ รองผู้อำนวยการวิชาการและแผน องค์การจัดการน้ำเสีย ร่วมเป็นสักขีพยาน นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ กล่าวว่า รู้สึกยินดีและเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่องค์การจัดการน้ำเสีย และกรมควบคุมมลพิษ ได้มีการผนึกกำลังร่วมกัน เพื่อยกระดับคุณภาพน้ำในแหล่งน้ำและเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการน้ำเสียของประเทศไทย โดยการลงนามบันทึกความร่วมมือในวันนี้ จะเป็นก้าวสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพการบูรณาการการทำงานร่วมกันในเชิงรุก มุ่งเน้นการแก้ไขปัญหาการจัดการน้ำเสียในระดับพื้นที่ เพื่อให้ตอบสนองต่อความต้องการขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและประชาชนได้ทันต่อสถานการณ์ รวมทั้งจะเป็นประโยชน์ต่อการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ ฐานข้อมูลด้านการจัดการคุณภาพน้ำต่างๆ ซึ่งจะส่งผลให้การบริหารจัดการแก้ไขปัญหาคุณภาพน้ำเกิดความรวดเร็ว และเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการควบคุม ป้องกัน และแก้ไขปัญหามลพิษอย่างยั่งยืนต่อไป ด้าน นายชีระ วงศบูรณะ ผู้อำนวยการองค์การจัดการน้ำเสีย กล่าวถึงความเป็นมาของการลงนามบันทึกความร่วมมือการจัดการคุณภาพน้ำร่วมกับกรมควบคุมมลพิษ โดยมีเจตนารมณ์เพื่อบูรณาการการเฝ้าระวังและประเมินสถานการณ์คุณภาพน้ำของประเทศ ตลอดจนขับเคลื่อนการก่อสร้างและบริหารจัดการน้ำเสียชุมชน และการบริการจัดการระบบบำบัดน้ำเสียชุมชนร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ให้เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ภายใต้แผนปฏิบัติการด้านการจัดการน้ำเสียชุมชน ระยะ 20 ปี (พ.ศ. 2561– 2580) ซึ่งจะช่วยยกระดับคุณภาพน้ำของแหล่งน้ำทั่วประเทศให้อยู่ในเกณฑ์ดี ส่งผลต่อการใช้ประโยชน์ของประชาชนไม่น้อยกว่า 10 ล้านคน นอกจากนี้ ยังมุ่งเน้นการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ และฐานข้อมูลที่เกี่ยวกับการดำเนินงานระบบบำบัดน้ำเสียชุมชน และการประเมินสถานการณ์คุณภาพน้ำ ซึ่งจะเป็นการผสานความร่วมมือในการบริหารจัดการ แก้ไขปัญหามลพิษทางน้ำของประเทศไทย ให้มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น
วันนี้ (20 ต.ค. 64) เวลา 09.30 น. ที่ห้องประชุมดำรงธรรม อาคารศาลาว่าการกระทรวงมหาดไทย นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการประชุมติดตามการดำเนินงานพัฒนาคลองแม่ข่า จังหวัดเชียงใหม่ ผ่านระบบ Video Conference โดยมี นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร รองปลัดกระทรวงมหาดไทย หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านสาธารณภัยและพัฒนาเมือง นายพงษ์นรา เย็นยิ่ง รองอธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง นายชีระ วงศบูรณะ ผู้อำนวยการองค์การจัดการน้ำเสีย นายประจญ ปรัชญ์สกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ นายรัฐพล นราดิศร รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ นายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ นายพิชัย เลิศพงศ์อดิศร นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ นายอัศนี บูรณุปกรณ์ นายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ นายนที ดำรงค์ นายกเทศมนตรีตำบลสันทรายหลวง รองศาสตราจารย์ชูโชค อายุพงศ์ อาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรมโยธา คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุม นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทานแนวทางตามหลักการทรงงาน ซึ่งได้ทรงเน้นย้ำหลัก “บวร” คือ การทำงานร่วมกันของบ้าน วัด ราชการ และจิตอาสา ซึ่งเป็นหลักการทำงานที่ชาวมหาดไทยยึดถือมาตั้งแต่ในอดีตถึงปัจจุบัน โดยการแก้ไขปัญหาคลองแม่ข่า จังหวัดเชียงใหม่ มีผู้นำท้องถิ่นที่สำคัญ คือ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ และนายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ เป็นภาคีสำคัญในการแก้ปัญหาบำบัดน้ำเสียคลองแม่ข่า และการจัดการสิ่งแวดล้อมของจังหวัดเชียงใหม่ นอกจากนี้ วันนี้ได้เชิญนายกเทศมนตรีตำบลสันทรายหลวง ซึ่งประสบความสำเร็จในการแก้ไขปัญหาลำน้ำคูคลองมาร่วมนำเสนอวิธีขับเคลื่อนการขับเคลื่อนให้ประสบความสำเร็จ ซึ่งทุกความคิดเห็น ทุกความปรารถนาดีที่ทุกคนมีกับบ้านเมือง จะเป็นแนวทางที่สำคัญในการขับเคลื่อนงาน โดยร่วมระดมสรรพกำลัง สรรพความคิดเห็น ประสบการณ์ ของคนในสังคม มาช่วยกันในการทำสิ่งที่ดีให้เกิดขึ้นกับส่วนรวม ซึ่งผมมีแนวคิดในการขับเคลื่อนงานว่า “Change for good” ซึ่งหมายถึง การจะสร้างสิ่งดีให้เกิดขึ้น ต้องเป็นเป้าหมายที่สำคัญของชีวิตทุกคน ใครที่มีประสบการณ์ มีความรู้ ความสามารถ ไม่ว่าจะอยู่ภาคส่วนไหน และมีจิตอาสาช่วยงาน เมื่อทุกท่านเข้ามามีส่วนร่วมก็จะเกิดสิ่งดีและมีค่าแก่สังคม นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงอยากเห็นบ้านเมืองของเรามีความสะอาด สวยงาม ผู้คนมีความรัก ความสามัคคี ช่วยกันฟื้นฟูสิ่งที่เคยดีงามและเสียหายไป ดังพระราชดำรัสที่พระราชทานให้พวกเราช่วยกัน “แก้ไขในสิ่งผิด” ซึ่ง “คลองแม่ข่า” ก็เป็นสิ่งหนึ่งที่ผิดพลาดอยู่ นั่นคือ แต่เดิมมีความสวยงาม สะอาด ร่มรื่น แต่ปัจจุบันน้ำเน่าเสีย ลำน้ำมีความสกปรก รกรุงรัง ไม่มีความเป็นระเบียบเรียบร้อย ในเรื่องของการเคารพสาธารณสถาน ซึ่งกระทรวงมหาดไทย ได้สนองพระราชดำริ ในการดำเนินงานพัฒนาคลองแม่ข่า โดย พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้ลงพื้นที่ติดตามการแก้ไขปัญหาและประชุมหารือร่วมกับทุกภาคส่วนอย่างต่อเนื่อง เพื่อจะได้ร่วมกันดำเนินงานแก้ไขปัญหาบนพื้นฐานของการพยายามทำให้เกิดความเดือดร้อนต่อพี่น้องประชาชนน้อยที่สุด และทุกคนทุกฝ่ายได้รับการดูแลกัน โดยกระทรวงมหาดไทย จะดำเนินการช่วยเหลือ ติดตาม และสนับสนุนการบริหารงานแก้ไขปัญหาคลองแม่ข่าของจังหวัดเชียงใหม่ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และพี่น้องประชาชนอย่างต่อเนื่อง ถือเป็นประเด็นสำคัญในการแก้ไขปัญหาการจัดการน้ำเสียและสิ่งแวดล้อมที่ดีเพื่อพี่น้องประชาชน ซึ่งเราจะให้คลองแม่ข่า เป็นต้นแบบของจังหวัดภาคเหนือในการช่วยกันฟื้นฟูแม่น้ำลำคลอง และคุณภาพชีวิต ชีวิตความเป็นอยู่ สิ่งแวดล้อมชุมชนเมือง ให้มีสภาวะที่ดี เหมาะสมกับการเป็นที่อยู่อาศัย เหมาะสมกับการเป็นแหล่งน้ำธรรมชาติที่ไม่เป็นต้นเหตุทำให้เกิดโรคระบาด ซึ่งในขณะนี้ จังหวัดเชียงใหม่ได้ร่วมกับทุกภาคส่วนดำเนินการไปมีความก้าวหน้าพอสมควรแล้ว จากนั้น ที่ประชุมได้นำเสนอความก้าวหน้าของการดำเนินงานพัฒนาคลองแม่ข่า รวมทั้งข้อคิดเห็นในการพัฒนาคลองแม่ข่าให้เกิดประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อม และเสริมสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชนอย่างยั่งยืน นายประจญ ปรัชญ์สกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวต่อว่า จากในอดีตที่ผ่านมาจนถึงทุกวันนี้ การดำเนินงานพัฒนาคลองแม่ข่า มีความก้าวหน้าในระดับหนึ่ง ซึ่งจังหวัดเชียงใหม่จะได้เร่งดำเนินการขับเคลื่อนและต่อยอดให้สมบูรณ์ต่อเนื่อง โดยเน้นชุมชนคนริมคลองและบูรณาการภาคเอกชน โดยใช้ชุมชนช่วยคิด ช่วยทำ ให้เกิดมรรคผล และจะสานต่อแนวคิดการขับเคลื่อนพัฒนาคลองแม่ข่าของท่านอดีตผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ นายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ให้สำเร็จ ซึ่งจะเกิดประโยชน์กับประชาชน และเกิดการพัฒนาสิ่งแวดล้อมจังหวัดเชียงใหม่ โดยจังหวัดเชียงใหม่ ได้นำเสนอความก้าวหน้าของการดำเนินงานพัฒนาคลองแม่ข่า จำนวน 3 ช่วง ตั้งแต่อำเภอแม่ริม อำเภอเมืองเชียงใหม่ และอำเภอหางดง ความยาวกว่า 30 กิโลเมตร สภาพปัญหาที่สำคัญที่ผ่านมา เช่น การรุกล้ำลำน้ำ คุณภาพน้ำ สภาพตื้นเขิน และการขาดความร่วมมือของผู้ประกอบการ และชุมชน เป็นต้น การขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาของทุกภาคส่วน ตามมาตรการต่าง ๆ มีความก้าวหน้าเป็นลำดับเช่น เช่น การจัดหาน้ำต้นทุน ภายใต้โครงการน้ำดีไล่น้ำเสีย ด้วยการนำน้ำดีจากคลองส่งน้ำแม่แตง การขุดลอกลำห้วย การปรับปรุงระบบ ส่งน้ำ และการปรับปรุงแก้มลิง การแก้ไขการบุกรุกที่ดิน การปรับปรุงระบบบำบัดน้ำเสีย การบังคับใช้กฎหมาย การสร้างจิตสำนึกชุมชน จิตอาสา และการปรับปรุงภูมิทัศน์ ปลูกต้นไม้ เป็นต้น ด้าน รองศาสตราจารย์ชูโชค อายุพงศ์ กล่าวว่า การพัฒนาคลองแม่ข่า ได้ขับเคลื่อนภายใต้วิสัยทัศน์ “ คลองสวย น้ำใส ไหลดี ชุมชนมีสุข” มีความก้าวหน้ากว่าร้อยละ 60 “น้ำเสีย” เป็นประเด็นสำคัญที่ต้อง ให้ความสำคัญในการแก้ไขปัญหาฯ ขอให้กระทรวงมหาดไทยช่วยเร่งรัดการทำงานใน 3 เรื่อง ได้แก่ (1) กรมโยธาธิการและผังเมือง : การดำเนินงานก่อสร้างระบบป้องกันน้ำท่วม ระบบการระบายน้ำ ระยะที่ 2 ที่อยู่ระหว่างดำเนินการให้แล้วเสร็จตามกำหนดเวลา (2) องค์การจัดการน้ำเสีย : การสำรวจ ออกแบบ ระบบบำบัดน้ำเสียรวมของจังหวัดเชียงใหม่ และความพร้อมในทุกด้าน เพื่อขอรับการสนับสนุนงบประมาณในแหล่งต่าง ๆ และ (3) กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น : การปรับปรุงสภาพแวดล้อม ภูมิทัศน์ ตลอดจนการดูแลรักษา ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่เกี่ยวข้อง เพื่อเชื่อมโยงการท่องเที่ยว ดังเช่นการพัฒนาคลองโอ่งอ่างที่กรุงเทพมหานคร เป็นต้น นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เน้นย้ำว่า ขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ได้นำข้อสั่งการของกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่นที่ได้เน้นย้ำให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นออกข้อบัญญัติในการพิจารณาออกใบอนุญาตก่อสร้างอาคารบ้านเรือน
อจน. ร่วมพิธีบำเพ็ญกุศลและน้อมรำลึกเนื่องในวันคล้ายวันสวรรคตพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ประจำปี 2564 วันที่ 13 ตุลาคม 2564 นายชีระ วงศบูรณะ ผู้อำนวยการองค์การจัดการน้ำเสีย พร้อมด้วยผู้บริหาร อจน. ร่วมพิธีวางพวงมาลา และถวายบังคมเบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ประจำปี 2564 ณ สำนักงานองค์การจัดการน้ำเสีย อาคารเล้าเป้งง้วน1 ชั้น 23
นายนิพนธ์ บุญญามณี เปิดเกิจกรรม ”วิถีใหม่ประหยัดน้ำกับ กปน.” เพิ่มช่องทางเลือกให้ประชาชนซื้อสินค้า-อุปกรณ์ประหยัดน้ำ ที่มีสลาก กปน.รับรองช่วยประหยัดจริง ได้หลายต่อ ทั้งได้สินค้าดีมีคุณภาพ ช่วยเซฟประหยัดน้ำ รักษ์ทรัพยากรน้ำยั่งยืน เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 6 กันยายน 2564 ที่การประปานครหลวง (กปน.) สานักงานใหญ่ นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานในพิธีเปิดกิจกรรมออนไลน์ “วิถีใหม่แห่งการประหยัดน้ำกับฉลากประหยัดน้ำของการประปานครหลวง” โดยมี นายนิสิต จันทร์สมวงศ์ ประธานกรรมการ กปน. นายนิทัศน์ มณีศิลาสันต์ กรรมการ กปน. นายวีรวัฒน์ ยมจินดา กรรมการ กปน. และ นายกวี อารีกุล ผู้ว่าการ กปน. เข้าร่วม นายนิพนธ์ กล่าวว่า การประปานครหลวง (กปน.) เป็นหน่วยงานภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงมหาดไทย มีภารกิจหลักในการผลิตน้ำประปาให้สะอาด ปลอดภัย ตามมาตรฐานองค์การอนามัยโลก (WHO) ให้บริการประชาชนในพื้นที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) นนทบุรี และ สมุทรปราการ เพื่อช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีให้พี่น้องประชาชนได้รับบริการน้ำประปา สะอาด ปลอดภัย อย่างทั่วถึงและเท่าเทียม นอกจากภารกิจหลักแล้ว กปน. ยังให้ความสำคัญกับการดูแลรักษาทรัพยากรน้ำที่มีอยู่อย่างจำกัดโดยการจัดกิจกรรมส่งเสริมการใช้อุปกรณ์ประหยัดน้ำที่ได้รับการ รับรองฉลากประหยัดน้ำของ กปน.อย่างต่อเนื่อง “ในปีนี้ได้จัดกิจกรรมออนไลน์ ‘วิถีใหม่แห่ง การประหยัดน้ากับฉลากประหยัดน้ำของการประปานครหลวง’ จัดขึ้นเพื่อที่จะเป็นทางเลือกให้ประชาชน เลือกซื้อผลิตภัณฑ์และอุปกรณ์ประหยัดน้ําที่ได้รับการรับรองมาตรฐานฉลากประหยัดน้ําของ การประปานครหลวง ซึ่งจะช่วยควบคุมการใช้น้ําในปริมาณที่เหมาะสม ลดการสูญเสียน้ํา โดยไม่จําเป็น ช่วยลดอัตราการใช้น้ํา เฉลี่ย/คน/วัน (Per Capita) เพื่อให้ประชาชนทุกคนมีน้ําใช้อย่างเพียงพอ จึงขอเชิญชวนให้พี่น้องประชาชนหันมาเลือกใช้อุปกรณ์ผลิตภัณฑ์ ประหยัดน้ําที่ได้รับการรับรองฉลากประหยัดน้ําของการประปานครหลวง และขอเชิญชวนผู้ประกอบการและผู้จัดจําหน่ายทั่วประเทศเข้าร่วมโครงการ ร่วมกันสร้างสรรค์และจัดจําหน่ายผลิตภัณฑ์ประหยัดน้ําตามมาตรฐานกําหนด โดยปัจจุบัน มีผลิตภัณฑ์ประหยัดน้ําที่ได้รับการรับรอง 2 ประเภท ได้แก่ ประเภทก๊อกอ่างล้างหน้า-ล้างมือประหยัดน้ํา แบ่งประสิทธิภาพการประหยัดน้ํา ตั้งแต่ระดับ 3-5 โดย เบอร์ 5 (ระดับดีเยี่ยม) เบอร์ 4 (ระดับดีมาก) และเบอร์ 3 (ระดับดี) และประเภทฝักบัวประหยัดน้ํา ซึ่งก๊อกและฝักบัวประหยัดน้ําที่มีฉลากประหยัดน้ําของการประปานครหลวง จะลดการใช้น้ําเหลือเพียง 1 ใน 3 จากการใช้ก๊อกน้ําทั่วไป โดยฉลากจะแสดงประสิทธิภาพอุปกรณ์ประหยัดน้ํา จะทําให้ประชาชนทราบถึงปริมาณการใช้น้ําและหันมาใช้อุปกรณ์ประหยัดน้ํา และร่วมกันรักษาทรัพยากรน้ําอย่างยั่งยืนตลอดไป” นายนิพนธ์กล่าว
เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2564 สำนักงาน ป.ป.ช. ได้จัดงานแถลงผลการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ (Integrity and Transparency Assessment: ITA) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 ภายใต้ชื่องาน “ITA DAY 2021: More Open, More Transparent” โดยมีหน่วยงานภาครัฐร่วมประเมินทั้งหมด 8,300 หน่วยงาน ภายใต้การประเมิน 10 ด้าน องค์การจัดการน้ำเสีย ได้รับผลการประเมิน 96.39 คะแนน อยู่ในระดับ AA สูงกว่าปีที่ผ่านมา อยู่ในลำดับที่ 13 จากรัฐวิสาหกิจที่เข้ารับการประเมินจำนวน 51 แห่ง นับเป็นจุดเริ่มต้นอีกครั้งหนึ่งขององค์การจัดการน้ำเสียในการนำผลการประเมิน ITA ที่ได้ไปใช้ในการวางแผนปรับปรุงพัฒนาองค์กรในปีงบประมาณถัดไปให้สมบูรณ์ครบถ้วนในทุกมิติ ทั้งในแง่การเปลี่ยนแปลงพัฒนาให้องค์กรมีความโปร่งใสตามกรอบการประเมิน ITA และในแง่การพัฒนาคุณธรรมการดำเนินงานตามหลักธรรมาภิบาล ทั้งนี้ ก็เพื่อให้การปฏิบัติงานและการให้บริการสาธารณะเป็นไปเพื่อประโยชน์ต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย
องค์การจัดการน้ำเสีย โดยนายวิรัตน์ ภมรานนท์ รองผู้อำนวยการปฏิบัติการ เป็นผู้แทนมอบเงินสนับสนุนจำนวน 100,000 บาท ให้กับสมาคมสมาพันธ์สถานประกอบการเพื่อสุขภาพและผู้สูงอายุ (HEC) ร่วมกับเครือข่ายเราดูแลกัน (We Care Network) จัดทำโครงการ “COVID HOME CARE” เพื่อช่วยเหลือกลุ่มผู้ป่วยโควิด-19 กลุ่มสีเขียวที่พักรักษาตัวอยู่ที่บ้าน
เมื่อเวลา 09.00 น. วันพุธที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564 ที่โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ ลาดพร้าว กรุงเทพฯ ได้มีการจัดพิธีลงนามบันทึกความร่วมมือการบริหารจัดการน้ำเสียระหว่าง องค์การจัดการน้ำเสีย โดยนายชีระ วงศบูรณะ ผู้อำนวยการองค์การจัดการน้ำเสีย สังกัดกระทรวงมหาดไทย ร่วมกับ นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ สังกัด กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยมีนางสาวปรีญาพร สุวรรณเกษ รองอธิบดีกรมควบคุมมลพิษ และนายสุชัย เจนพจนารถ รองผู้อำนวยการวิชาการและแผน องค์การจัดการน้ำเสีย ร่วมเป็นสักขีพยาน นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ กล่าวว่า รู้สึกยินดีและเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่องค์การจัดการน้ำเสีย และกรมควบคุมมลพิษ ได้มีการผนึกกำลังร่วมกัน เพื่อยกระดับคุณภาพน้ำในแหล่งน้ำและเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการน้ำเสียของประเทศไทย โดยการลงนามบันทึกความร่วมมือในวันนี้ จะเป็นก้าวสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพการบูรณาการการทำงานร่วมกันในเชิงรุก มุ่งเน้นการแก้ไขปัญหาการจัดการน้ำเสียในระดับพื้นที่ เพื่อให้ตอบสนองต่อความต้องการขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและประชาชนได้ทันต่อสถานการณ์ รวมทั้งจะเป็นประโยชน์ต่อการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ ฐานข้อมูลด้านการจัดการคุณภาพน้ำต่างๆ ซึ่งจะส่งผลให้การบริหารจัดการแก้ไขปัญหาคุณภาพน้ำเกิดความรวดเร็ว และเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการควบคุม ป้องกัน และแก้ไขปัญหามลพิษอย่างยั่งยืนต่อไป ด้าน นายชีระ วงศบูรณะ ผู้อำนวยการองค์การจัดการน้ำเสีย กล่าวถึงความเป็นมาของการลงนามบันทึกความร่วมมือการจัดการคุณภาพน้ำร่วมกับกรมควบคุมมลพิษ โดยมีเจตนารมณ์เพื่อบูรณาการการเฝ้าระวังและประเมินสถานการณ์คุณภาพน้ำของประเทศ ตลอดจนขับเคลื่อนการก่อสร้างและบริหารจัดการน้ำเสียชุมชน และการบริการจัดการระบบบำบัดน้ำเสียชุมชนร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ให้เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ภายใต้แผนปฏิบัติการด้านการจัดการน้ำเสียชุมชน ระยะ 20 ปี (พ.ศ. 2561– 2580) ซึ่งจะช่วยยกระดับคุณภาพน้ำของแหล่งน้ำทั่วประเทศให้อยู่ในเกณฑ์ดี ส่งผลต่อการใช้ประโยชน์ของประชาชนไม่น้อยกว่า 10 ล้านคน นอกจากนี้ ยังมุ่งเน้นการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ และฐานข้อมูลที่เกี่ยวกับการดำเนินงานระบบบำบัดน้ำเสียชุมชน และการประเมินสถานการณ์คุณภาพน้ำ ซึ่งจะเป็นการผสานความร่วมมือในการบริหารจัดการ แก้ไขปัญหามลพิษทางน้ำของประเทศไทย ให้มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น
วันนี้ (20 ต.ค. 64) เวลา 09.30 น. ที่ห้องประชุมดำรงธรรม อาคารศาลาว่าการกระทรวงมหาดไทย นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการประชุมติดตามการดำเนินงานพัฒนาคลองแม่ข่า จังหวัดเชียงใหม่ ผ่านระบบ Video Conference โดยมี นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร รองปลัดกระทรวงมหาดไทย หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านสาธารณภัยและพัฒนาเมือง นายพงษ์นรา เย็นยิ่ง รองอธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง นายชีระ วงศบูรณะ ผู้อำนวยการองค์การจัดการน้ำเสีย นายประจญ ปรัชญ์สกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ นายรัฐพล นราดิศร รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ นายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ นายพิชัย เลิศพงศ์อดิศร นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ นายอัศนี บูรณุปกรณ์ นายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ นายนที ดำรงค์ นายกเทศมนตรีตำบลสันทรายหลวง รองศาสตราจารย์ชูโชค อายุพงศ์ อาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรมโยธา คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุม นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทานแนวทางตามหลักการทรงงาน ซึ่งได้ทรงเน้นย้ำหลัก “บวร” คือ การทำงานร่วมกันของบ้าน วัด ราชการ และจิตอาสา ซึ่งเป็นหลักการทำงานที่ชาวมหาดไทยยึดถือมาตั้งแต่ในอดีตถึงปัจจุบัน โดยการแก้ไขปัญหาคลองแม่ข่า จังหวัดเชียงใหม่ มีผู้นำท้องถิ่นที่สำคัญ คือ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ และนายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ เป็นภาคีสำคัญในการแก้ปัญหาบำบัดน้ำเสียคลองแม่ข่า และการจัดการสิ่งแวดล้อมของจังหวัดเชียงใหม่ นอกจากนี้ วันนี้ได้เชิญนายกเทศมนตรีตำบลสันทรายหลวง ซึ่งประสบความสำเร็จในการแก้ไขปัญหาลำน้ำคูคลองมาร่วมนำเสนอวิธีขับเคลื่อนการขับเคลื่อนให้ประสบความสำเร็จ ซึ่งทุกความคิดเห็น ทุกความปรารถนาดีที่ทุกคนมีกับบ้านเมือง จะเป็นแนวทางที่สำคัญในการขับเคลื่อนงาน โดยร่วมระดมสรรพกำลัง สรรพความคิดเห็น ประสบการณ์ ของคนในสังคม มาช่วยกันในการทำสิ่งที่ดีให้เกิดขึ้นกับส่วนรวม ซึ่งผมมีแนวคิดในการขับเคลื่อนงานว่า “Change for good” ซึ่งหมายถึง การจะสร้างสิ่งดีให้เกิดขึ้น ต้องเป็นเป้าหมายที่สำคัญของชีวิตทุกคน ใครที่มีประสบการณ์ มีความรู้ ความสามารถ ไม่ว่าจะอยู่ภาคส่วนไหน และมีจิตอาสาช่วยงาน เมื่อทุกท่านเข้ามามีส่วนร่วมก็จะเกิดสิ่งดีและมีค่าแก่สังคม นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงอยากเห็นบ้านเมืองของเรามีความสะอาด สวยงาม ผู้คนมีความรัก ความสามัคคี ช่วยกันฟื้นฟูสิ่งที่เคยดีงามและเสียหายไป ดังพระราชดำรัสที่พระราชทานให้พวกเราช่วยกัน “แก้ไขในสิ่งผิด” ซึ่ง “คลองแม่ข่า” ก็เป็นสิ่งหนึ่งที่ผิดพลาดอยู่ นั่นคือ แต่เดิมมีความสวยงาม สะอาด ร่มรื่น แต่ปัจจุบันน้ำเน่าเสีย ลำน้ำมีความสกปรก รกรุงรัง ไม่มีความเป็นระเบียบเรียบร้อย ในเรื่องของการเคารพสาธารณสถาน ซึ่งกระทรวงมหาดไทย ได้สนองพระราชดำริ ในการดำเนินงานพัฒนาคลองแม่ข่า โดย พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้ลงพื้นที่ติดตามการแก้ไขปัญหาและประชุมหารือร่วมกับทุกภาคส่วนอย่างต่อเนื่อง เพื่อจะได้ร่วมกันดำเนินงานแก้ไขปัญหาบนพื้นฐานของการพยายามทำให้เกิดความเดือดร้อนต่อพี่น้องประชาชนน้อยที่สุด และทุกคนทุกฝ่ายได้รับการดูแลกัน โดยกระทรวงมหาดไทย จะดำเนินการช่วยเหลือ ติดตาม และสนับสนุนการบริหารงานแก้ไขปัญหาคลองแม่ข่าของจังหวัดเชียงใหม่ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และพี่น้องประชาชนอย่างต่อเนื่อง ถือเป็นประเด็นสำคัญในการแก้ไขปัญหาการจัดการน้ำเสียและสิ่งแวดล้อมที่ดีเพื่อพี่น้องประชาชน ซึ่งเราจะให้คลองแม่ข่า เป็นต้นแบบของจังหวัดภาคเหนือในการช่วยกันฟื้นฟูแม่น้ำลำคลอง และคุณภาพชีวิต ชีวิตความเป็นอยู่ สิ่งแวดล้อมชุมชนเมือง ให้มีสภาวะที่ดี เหมาะสมกับการเป็นที่อยู่อาศัย เหมาะสมกับการเป็นแหล่งน้ำธรรมชาติที่ไม่เป็นต้นเหตุทำให้เกิดโรคระบาด ซึ่งในขณะนี้ จังหวัดเชียงใหม่ได้ร่วมกับทุกภาคส่วนดำเนินการไปมีความก้าวหน้าพอสมควรแล้ว จากนั้น ที่ประชุมได้นำเสนอความก้าวหน้าของการดำเนินงานพัฒนาคลองแม่ข่า รวมทั้งข้อคิดเห็นในการพัฒนาคลองแม่ข่าให้เกิดประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อม และเสริมสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชนอย่างยั่งยืน นายประจญ ปรัชญ์สกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวต่อว่า จากในอดีตที่ผ่านมาจนถึงทุกวันนี้ การดำเนินงานพัฒนาคลองแม่ข่า มีความก้าวหน้าในระดับหนึ่ง ซึ่งจังหวัดเชียงใหม่จะได้เร่งดำเนินการขับเคลื่อนและต่อยอดให้สมบูรณ์ต่อเนื่อง โดยเน้นชุมชนคนริมคลองและบูรณาการภาคเอกชน โดยใช้ชุมชนช่วยคิด ช่วยทำ ให้เกิดมรรคผล และจะสานต่อแนวคิดการขับเคลื่อนพัฒนาคลองแม่ข่าของท่านอดีตผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ นายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ให้สำเร็จ ซึ่งจะเกิดประโยชน์กับประชาชน และเกิดการพัฒนาสิ่งแวดล้อมจังหวัดเชียงใหม่ โดยจังหวัดเชียงใหม่ ได้นำเสนอความก้าวหน้าของการดำเนินงานพัฒนาคลองแม่ข่า จำนวน 3 ช่วง ตั้งแต่อำเภอแม่ริม อำเภอเมืองเชียงใหม่ และอำเภอหางดง ความยาวกว่า 30 กิโลเมตร สภาพปัญหาที่สำคัญที่ผ่านมา เช่น การรุกล้ำลำน้ำ คุณภาพน้ำ สภาพตื้นเขิน และการขาดความร่วมมือของผู้ประกอบการ และชุมชน เป็นต้น การขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาของทุกภาคส่วน ตามมาตรการต่าง ๆ มีความก้าวหน้าเป็นลำดับเช่น เช่น การจัดหาน้ำต้นทุน ภายใต้โครงการน้ำดีไล่น้ำเสีย ด้วยการนำน้ำดีจากคลองส่งน้ำแม่แตง การขุดลอกลำห้วย การปรับปรุงระบบ ส่งน้ำ และการปรับปรุงแก้มลิง การแก้ไขการบุกรุกที่ดิน การปรับปรุงระบบบำบัดน้ำเสีย การบังคับใช้กฎหมาย การสร้างจิตสำนึกชุมชน จิตอาสา และการปรับปรุงภูมิทัศน์ ปลูกต้นไม้ เป็นต้น ด้าน รองศาสตราจารย์ชูโชค อายุพงศ์ กล่าวว่า การพัฒนาคลองแม่ข่า ได้ขับเคลื่อนภายใต้วิสัยทัศน์ “ คลองสวย น้ำใส ไหลดี ชุมชนมีสุข” มีความก้าวหน้ากว่าร้อยละ 60 “น้ำเสีย” เป็นประเด็นสำคัญที่ต้อง ให้ความสำคัญในการแก้ไขปัญหาฯ ขอให้กระทรวงมหาดไทยช่วยเร่งรัดการทำงานใน 3 เรื่อง ได้แก่ (1) กรมโยธาธิการและผังเมือง : การดำเนินงานก่อสร้างระบบป้องกันน้ำท่วม ระบบการระบายน้ำ ระยะที่ 2 ที่อยู่ระหว่างดำเนินการให้แล้วเสร็จตามกำหนดเวลา (2) องค์การจัดการน้ำเสีย : การสำรวจ ออกแบบ ระบบบำบัดน้ำเสียรวมของจังหวัดเชียงใหม่ และความพร้อมในทุกด้าน เพื่อขอรับการสนับสนุนงบประมาณในแหล่งต่าง ๆ และ (3) กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น : การปรับปรุงสภาพแวดล้อม ภูมิทัศน์ ตลอดจนการดูแลรักษา ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่เกี่ยวข้อง เพื่อเชื่อมโยงการท่องเที่ยว ดังเช่นการพัฒนาคลองโอ่งอ่างที่กรุงเทพมหานคร เป็นต้น นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เน้นย้ำว่า ขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ได้นำข้อสั่งการของกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่นที่ได้เน้นย้ำให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นออกข้อบัญญัติในการพิจารณาออกใบอนุญาตก่อสร้างอาคารบ้านเรือน
อจน. ร่วมพิธีบำเพ็ญกุศลและน้อมรำลึกเนื่องในวันคล้ายวันสวรรคตพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ประจำปี 2564 วันที่ 13 ตุลาคม 2564 นายชีระ วงศบูรณะ ผู้อำนวยการองค์การจัดการน้ำเสีย พร้อมด้วยผู้บริหาร อจน. ร่วมพิธีวางพวงมาลา และถวายบังคมเบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ประจำปี 2564 ณ สำนักงานองค์การจัดการน้ำเสีย อาคารเล้าเป้งง้วน1 ชั้น 23
นายนิพนธ์ บุญญามณี เปิดเกิจกรรม ”วิถีใหม่ประหยัดน้ำกับ กปน.” เพิ่มช่องทางเลือกให้ประชาชนซื้อสินค้า-อุปกรณ์ประหยัดน้ำ ที่มีสลาก กปน.รับรองช่วยประหยัดจริง ได้หลายต่อ ทั้งได้สินค้าดีมีคุณภาพ ช่วยเซฟประหยัดน้ำ รักษ์ทรัพยากรน้ำยั่งยืน เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 6 กันยายน 2564 ที่การประปานครหลวง (กปน.) สานักงานใหญ่ นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานในพิธีเปิดกิจกรรมออนไลน์ “วิถีใหม่แห่งการประหยัดน้ำกับฉลากประหยัดน้ำของการประปานครหลวง” โดยมี นายนิสิต จันทร์สมวงศ์ ประธานกรรมการ กปน. นายนิทัศน์ มณีศิลาสันต์ กรรมการ กปน. นายวีรวัฒน์ ยมจินดา กรรมการ กปน. และ นายกวี อารีกุล ผู้ว่าการ กปน. เข้าร่วม นายนิพนธ์ กล่าวว่า การประปานครหลวง (กปน.) เป็นหน่วยงานภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงมหาดไทย มีภารกิจหลักในการผลิตน้ำประปาให้สะอาด ปลอดภัย ตามมาตรฐานองค์การอนามัยโลก (WHO) ให้บริการประชาชนในพื้นที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) นนทบุรี และ สมุทรปราการ เพื่อช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีให้พี่น้องประชาชนได้รับบริการน้ำประปา สะอาด ปลอดภัย อย่างทั่วถึงและเท่าเทียม นอกจากภารกิจหลักแล้ว กปน. ยังให้ความสำคัญกับการดูแลรักษาทรัพยากรน้ำที่มีอยู่อย่างจำกัดโดยการจัดกิจกรรมส่งเสริมการใช้อุปกรณ์ประหยัดน้ำที่ได้รับการ รับรองฉลากประหยัดน้ำของ กปน.อย่างต่อเนื่อง “ในปีนี้ได้จัดกิจกรรมออนไลน์ ‘วิถีใหม่แห่ง การประหยัดน้ากับฉลากประหยัดน้ำของการประปานครหลวง’ จัดขึ้นเพื่อที่จะเป็นทางเลือกให้ประชาชน เลือกซื้อผลิตภัณฑ์และอุปกรณ์ประหยัดน้ําที่ได้รับการรับรองมาตรฐานฉลากประหยัดน้ําของ การประปานครหลวง ซึ่งจะช่วยควบคุมการใช้น้ําในปริมาณที่เหมาะสม ลดการสูญเสียน้ํา โดยไม่จําเป็น ช่วยลดอัตราการใช้น้ํา เฉลี่ย/คน/วัน (Per Capita) เพื่อให้ประชาชนทุกคนมีน้ําใช้อย่างเพียงพอ จึงขอเชิญชวนให้พี่น้องประชาชนหันมาเลือกใช้อุปกรณ์ผลิตภัณฑ์ ประหยัดน้ําที่ได้รับการรับรองฉลากประหยัดน้ําของการประปานครหลวง และขอเชิญชวนผู้ประกอบการและผู้จัดจําหน่ายทั่วประเทศเข้าร่วมโครงการ ร่วมกันสร้างสรรค์และจัดจําหน่ายผลิตภัณฑ์ประหยัดน้ําตามมาตรฐานกําหนด โดยปัจจุบัน มีผลิตภัณฑ์ประหยัดน้ําที่ได้รับการรับรอง 2 ประเภท ได้แก่ ประเภทก๊อกอ่างล้างหน้า-ล้างมือประหยัดน้ํา แบ่งประสิทธิภาพการประหยัดน้ํา ตั้งแต่ระดับ 3-5 โดย เบอร์ 5 (ระดับดีเยี่ยม) เบอร์ 4 (ระดับดีมาก) และเบอร์ 3 (ระดับดี) และประเภทฝักบัวประหยัดน้ํา ซึ่งก๊อกและฝักบัวประหยัดน้ําที่มีฉลากประหยัดน้ําของการประปานครหลวง จะลดการใช้น้ําเหลือเพียง 1 ใน 3 จากการใช้ก๊อกน้ําทั่วไป โดยฉลากจะแสดงประสิทธิภาพอุปกรณ์ประหยัดน้ํา จะทําให้ประชาชนทราบถึงปริมาณการใช้น้ําและหันมาใช้อุปกรณ์ประหยัดน้ํา และร่วมกันรักษาทรัพยากรน้ําอย่างยั่งยืนตลอดไป” นายนิพนธ์กล่าว
เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2564 สำนักงาน ป.ป.ช. ได้จัดงานแถลงผลการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ (Integrity and Transparency Assessment: ITA) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 ภายใต้ชื่องาน “ITA DAY 2021: More Open, More Transparent” โดยมีหน่วยงานภาครัฐร่วมประเมินทั้งหมด 8,300 หน่วยงาน ภายใต้การประเมิน 10 ด้าน องค์การจัดการน้ำเสีย ได้รับผลการประเมิน 96.39 คะแนน อยู่ในระดับ AA สูงกว่าปีที่ผ่านมา อยู่ในลำดับที่ 13 จากรัฐวิสาหกิจที่เข้ารับการประเมินจำนวน 51 แห่ง นับเป็นจุดเริ่มต้นอีกครั้งหนึ่งขององค์การจัดการน้ำเสียในการนำผลการประเมิน ITA ที่ได้ไปใช้ในการวางแผนปรับปรุงพัฒนาองค์กรในปีงบประมาณถัดไปให้สมบูรณ์ครบถ้วนในทุกมิติ ทั้งในแง่การเปลี่ยนแปลงพัฒนาให้องค์กรมีความโปร่งใสตามกรอบการประเมิน ITA และในแง่การพัฒนาคุณธรรมการดำเนินงานตามหลักธรรมาภิบาล ทั้งนี้ ก็เพื่อให้การปฏิบัติงานและการให้บริการสาธารณะเป็นไปเพื่อประโยชน์ต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย
องค์การจัดการน้ำเสีย โดยนายวิรัตน์ ภมรานนท์ รองผู้อำนวยการปฏิบัติการ เป็นผู้แทนมอบเงินสนับสนุนจำนวน 100,000 บาท ให้กับสมาคมสมาพันธ์สถานประกอบการเพื่อสุขภาพและผู้สูงอายุ (HEC) ร่วมกับเครือข่ายเราดูแลกัน (We Care Network) จัดทำโครงการ “COVID HOME CARE” เพื่อช่วยเหลือกลุ่มผู้ป่วยโควิด-19 กลุ่มสีเขียวที่พักรักษาตัวอยู่ที่บ้าน