วันที่ 13 พฤศจิกายน 2567 องค์การจัดการน้ำเสีย โดยศูนย์บริหารจัดการคุณภาพน้ำเทศบาลนครระยอง เข้าร่วมจัดนิทรรศการด้านสิ่งแวดล้อม สำหรับการประเมินสิ่งแวดล้อมยั่งยืน ระดับประเทศ ประจำปี 2567 ณ เทศบาลนครระยอง จังหวัดระยอง
วันที่ 22 ธันวาคม 2563 เวลา 10.30 น. องค์การจัดการน้ำเสีย โดยสำนักงานจัดการน้ำเสียสาขาสงขลา ประชุมคณะกรรมการกำกับดูแลการบริหารจัดการระบบบำบัดน้ำเสียเทศบาลนครสงขลา ครั้งที่ 2/2563 ณ ห้องประชุมสารภี 1 ชั้น 2 เทศบาลนครสงขลา โดยมีนายสมศักดิ์ ตัณติเศรณี นายกเทศบาลนครสงขลา เป็นประธาน นายนิวัฒน์ สุขศิริ ปลัดเทศบาลนครสงขลา, นายธวัชชัย ประดิษฐอกฤษฎ์ ผู้อำนวยการส่วนช่างสุขาภิบาล,นายปัณณพัฒน์ จันทร์เจริญสุข ผู้อำนวยการฝ่ายจัดการน้ำเสีย 2 นางปนัดดา ภาณุทัต ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารการจัดเก็บรายได้,นายนรินทร์ รองโสภา รักษาการผู้จัดการสำนักงานจัดการน้ำเสียสาขาสงขลา, พนักงานสาขาสงขลาเเละหาดใหญ่, เจ้าหน้าที่สำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 16, เจ้าหน้าที่สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดสงขลาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม
วันที่ 22 ธันวาคม 2563 เวลา 10.00 น. ณ ห้องประชุมเทศบาลตำบลบางเสร่ องค์การจัดการน้ำเสีย โดยสำนักงานจัดการน้ำเสียสาขาบางเสร่ ให้การตัอนรับองค์การบริหารส่วนตำบลพะทาย อำเภอท่าอุเทน จังหวัดนครพนม จำนวน 35 คน ที่เข้าศึกษาดูงานการมีส่วนร่วมการบริหารจัดการน้ำเสียชุมชนของเทศบาลตำบลบางเสร่
เมื่อวันที่ 6-8 ธันวาคม 2563 นายชีระ วงศบูรณะ ผู้อำนวยการองค์การจัดการน้ำเสียได้เดินทางเข้าประชุมกับ คณะกรรมาธิการ กิจการศาล องค์อิสระ องค์กรอัยการ รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชนและกองทุน ของรัฐสภา ที่เทศบาลตำบลปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน โดยมี ส่วนราชการ เข้าร่วม ได้แก่ ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอนการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เทศบาลเมืองแม่ฮ่องสอน เทศบาลตำบลปาย โดยได้มีการหารือ เพื่อดำเนินการ บริหารจัดการ น้ำเสียชุมชน ระหว่างองค์การจัดการน้ำเสียและเทศบาลเมืองแม่ฮองสอนและเทศบาลตำบลปายที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว ที่ได้ความนิยม เพื่อเป็นการร่วมกันป้องกันแก้ไขปัญหาน้ำเสียที่จะเกิดขึ้นจากการท่องเที่ยวในอนาคต
นิพนธ์ฯ ชื่นชม ท้องถิ่นที่ดูแลทุกข์สุขประชาชนและร่วมแก้ไขปัญหา COVID-19 แนะ ปรับตัวให้ก้าวทันเทคโนโลยี พร้อมฝาก ให้รักษาชีวิตลดการตายบนท้องถนน เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 11 ธันวาคม 2563 ที่โรงแรมอังสนา ลากูน่า ภูเก็ต นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการประชุมและการสัมมนาทางวิชาการสมาคมสันนิบาตเทศบาลแห่งประเทศไทยครั้งที่ 3 ประจำปี 2563 โดยมี นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย นายณรงค์ วุ่นซิ้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต นางสาวสมใจสุวรรณ ศุภพนา นายกสมาคมสันนิบาตแห่งประเทศไทย พร้อมด้วยนายกเทศมนตรี ประธานสภาเทศบาล ปลัดเทศบาล และบุคลากรของเทศบาล จำนวนกว่า 3,500 คนเข้าร่วมการประชุม นายนิพนธ์ กล่าวว่า “องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น คือหน่วยงานปกครองที่อยู่ใกล้ชิดกับประชาชนสามารถตอบสนองความต้องการของประชาชนในท้องถิ่นได้มากที่สุด เทศบาลจึงมีหน้าที่ดูแลทุกข์สุขของพี่น้องประชาชน ซึ่งกระทรวงมหาดไทยถือว่า กลไกท้องถิ่นจึงมีความสำคัญต่อการพัฒนาประเทศทุกด้าน หากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสามารถปกครองตนเองมีความคล่องตัวในการบริหารจัดการ ก็ย่อมทำให้ประเทศเจริญก้าวหน้าได้อย่างรวดเร็ว และสามารถแก้ปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนได้ทันกับสถานการณ์ ทั้งจากสถานการณ์ที่เกิดจากภัยพิบัติ ปัญหาในด้านสาธารณสุข กระทรวงมหาดไทยได้ให้ความสำคัญทางกลไกของท้องถิ่นและท้องที่ในการบำบัดทุกข์บำรุงสุขให้กับพี่น้องประชาชนและสนับสนุนภารกิจต่างๆของท้องถิ่นเพื่อนำไปสู่การแก้ไข พร้อมยกระดับการปกครองท้องถิ่นรองรับการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมต่างๆให้ทันกับเทคโนโลยีต่างๆ ที่เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของพี่น้องประชาชนมากขึ้น ซึ่งเชื่อว่าวิถีชีวิตของประชาชนในชุมชนในอนาคตจะมีการเปลี่ยนแปลงไป จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 โลกในอนาคตจะเป็นเรื่องของเทคโนโลยีมากขึ้น ทำอย่างไรให้ชุมชนมีการปรับตัวให้ทันต่อเทคโนโลยีที่จะมีการเปลี่ยนแปลงไป และสามารถสร้างรายได้ให้กับครอบครัว ชุมชนในภายภาคหน้า ท้องถิ่นต้องให้ความรู้ชุมชน เพื่อสร้างความรู้และพัฒนาทักษะด้าน e-Commerce ในยุคเทคโนโลยีดิจิทัล ที่จะนำไปสู่การเพิ่มโอกาสในการแข่งขันด้านการตลาดเป็นการเพิ่มช่องทางสร้างอาชีพและเพิ่มรายได้ให้แก่ชุมชน” นายนิพนธ์ กล่าวอีกว่า “ใกล้ช่วงเทศกาลปีใหม่ 2564 นี้จึงขอฝากเรื่องรักษาชีวิตสร้างความปลอดภัยเพื่อลดการตายบนท้องถนนทุกคนต้องช่วยกันดูแล แม้ว่าตัวเลขยอดผู้เสียชีวิตจะลดลงจาก 22,000 ราย/ปี เหลือ 15,000 ราย/ปี ซึ่งถือว่าตัวเลขยังสูงอยู่เมื่อเปรียบเทียบการสูญเสียชีวิตจากเหตุการณ์ต่างๆ ขอโอกาสนี้เชิญชวนพี่น้องทุกท่านได้ตระหนักถึงการใช้รถใช้ถนนโดยเฉพาะอย่างยิ่งรถจักรยานยนต์ ที่เป็นสาเหตุการเสียชีวิตบนท้องถนนมากที่สุด โดยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น(อปท.) บูรณาการทุกหน่วยงานร่วมมือกันและถอดบทเรียนความสำเร็จจากการแก้ไขปัญหาโควิด-19 มาใช้ในการแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุทางถนนในช่วง 7 วันอันตราย รวมถึงแนวทางการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า2019(COVID-19)”
นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงหมาดไทย (มท.2) ลงพื้นที่ นราธิวาสเตรียมแผนรับมืออุทกภัย-ภัยแล้ง-ไฟป่าพรุ พร้อม กำชับ เร่งรัดเดินสำรวจออกโฉนดฯ และแก้ไขปัญหาที่ดินของรัฐทับซ้อนที่ดินประชาชน พร้อม ผลักดันการก่อสร้างรั้วตามแนวชายแดนไทย-มาเลย์เต็มพื้นที่ เมื่อเวลา 14.00 น. วันนี้ (11ก.ย.63) นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (มท.2) และคณะ เดินทางมาตรวจเยี่ยมติดตามความพร้อม แผนบริหารจัดการสาธารณภัยในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส ด้านอุทกภัย ภัยแล้ง และไฟป่า รวมถึงการติดตามการแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัย และที่ดินทำกินของราษฎร ในพื้นที่ตำบลสุไหงปาดีทับซ้อนที่ดินของรัฐ ณ ห้องประชุมชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดนราธิวาส โดยมี นายเอกรัฐ หลีเส็น ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง รวมถึงกำนัน ผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ตำบลสุไหงปาดี เข้าร่วมประชุมและรายงานผลการปฏิบัติงาน โดย รมช.มท. ได้มอบนโยบายในเรื่องการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย ภัยแล้ง และไฟป่า ว่า “รัฐบาลได้ให้ความสำคัญในการเตรียมความพร้อมรับมือป้องกันเผชิญเหตุ และให้ความช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัยอย่างเป็นระบบ และมีประสิทธิภาพโดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้บูรณาการร่วมกับทุกภาคส่วน ทั้งด้านหน่วยปฏิบัติการ และเครื่องจักรกลสาธารณภัยในพื้นที่ ทั้งในส่วนของด้านกำลังพล เครื่องจักรกล งานระบบสื่อสารเพื่อให้มีความพร้อมรองรับสถานการณ์อุทกภัย ภัยแล้ง ไฟป่าที่อาจเกิดขึ้น ตั้งแต่ให้มีการทบทวนและปรับปรุงแผนที่อุทกภัยของจังหวัดให้สอดคล้องกับอุทกภัยสถานการณ์ปัจจุบัน โดยหน่วยงานต่างๆต้องตรวจสอบและเตรียมความพร้อม วัสดุอุปกรณ์ เครื่องจักรกลสาธารณภัย เครื่องมือสื่อสาร เครื่องมือแจ้งเตือนภัย ให้มีความพร้อมใช้งาน และต้องมีการกำหนดพื้นที่ปลอดภัย เส้นทางอพยพชั่วคราว ศูนย์พักพิงชั่วคราว ตลอดจนการซักซ้อมความเข้าใจของเจ้าหน้าที่ และประชาชน ถึงแนวทางปฏิบัติ เพื่อลดความสับสน รวมถึงเร่งทำการขุดลอกท่อระบายน้ำ กำจัดวัชพืช สิ่งกีดขวางทางน้ำ ให้สามารถรองรับน้ำ และระบายได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมเปิดช่องทางแจ้งเตือนให้ประชาชนทราบทางสื่อต่างๆ ทั้งของชุมชน หอกระจายข่าวประจำหมู่บ้าน เพื่อให้ประชาชนเข้าใจ ถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาของภาครัฐอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น การเตรียมความพร้อม จึงเป็นกลไกที่สำคัญ ที่จะทำให้การปฏิบัติการเผชิญเหตุ และช่วยเหลือผู้ประสบภัยเป็นไปอย่างรวดเร็ว ทันต่อเหตุการณ์ และมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะสามารถลดความสูญเสีย ทั้งชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนได้ รวมถึงความสำคัญกับการแจ้งเตือนภัยอย่างเป็นระบบ รวดเร็ว และเข้าถึงประชาชนได้ตรงจุด การสร้างเครือข่ายประชาสังคม อาสาสมัคร กู้ภัยในพื้นที่ ทั้งนี้การเตรียมความพร้อมจึงถือเป็นกลไกสำคัญในการบูรณาการ จัดการในภาวะฉุกเฉินตามแผนที่กำหนด รวมถึงการซักซ้อมแผนให้พร้อมดูแลประชาชน และสามารถบริหารจัดการสถานการณ์อุทกภัย ภัยแล้ง และไฟป่าที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างเป็นระบบ” ทั้งนี้ นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงหมาดไทย (มท.2) ยังได้ฝากในเรื่องของความปลอดภัยบนท้องถนน ว่า “ตั้งแต่ต้นปีจนถึงวันนี้การเสียชีวิตบนท้องถนน มีจำนวนประมาณหมื่นกว่ารายแล้ว ฉะนั้นจึงถือเป็นภัยที่คุกคาม ทั้งชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนคนไทย ดังนั้นเรื่องการลดอุบัติเหตุบนท้องถนน ยังคงเป็นภารกิจที่ต้องขอความร่วมมือที่ทุกหน่วยงานต้องร่วมกันขับเคลื่อนโครงการเสริมสร้างประสิทธิภาพ การป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนในระดับพื้นที่ ให้เกิดผลเป็นรูปธรรม โดยความร่วมมือระหว่างท้องที่ และ ท้องถิ่นร่วมกับภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วน ดำเนินการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนในพื้นที่อย่างจริงจัง โดยการดำเนินการบังคับใช้กฎหมาย อย่างเข้มงวดตลอดทั้งปี และให้หน่วยงานที่รับผิดชอบให้ความสำคัญ กับการออกแบบการแก้ปัญหาจุดเสี่ยง จุดอันตราย ในถนนที่รับผิดชอบ ให้มีความปลอดภัย และกำหนดให้มีการประชุม ศปถ.จังหวัด ศปถ.อำเภอ และศปถ.อปท. เป็นประจำทุกเดือน นอกจากนี้ นายนิพนธ์ บุญญามณีรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงหมาดไทย (มท.2) ยังได้ติดตามในเรื่องโครงการก่อสร้างเขื่อนกั้นแม่น้ำโกลกในระยะที่ 1 ซึ่งก้าวหน้าไป 80 เปอร์เซ็นต์แล้วส่วนระยะที่ 2 ก็จะดำเนินการต่อจากระยะที่ 1 ต่อไป และยังได้รับทราบความประสงค์ของหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาสในเรื่องแนวรั้วชายแดนกับด่านพรมแดน ที่ติดกับประเทศเพื่อนบ้าน ว่าความประสงค์ที่จะให้ดำเนินการต่อเนื่องไปถึงพื้นที่อำเภอตากใบ ซึ่งคิดว่าจะเป็นประโยชน์มากขึ้น สำหรับการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยแล้งและแก้ไขปัญหาไฟป่าพรุนั้น ก็ทราบว่าทั้งชลประทานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้มีแผนงานที่ชัดเจน ในส่วนของเรื่องปัญหาที่ดิน การออกเอกสารสิทธิ์ในที่ดินให้กับพี่น้องประชาชน ซึ่งเรื่องนี้ก็ถือว่ามีความสำคัญอย่างยิ่ง และเป็นนโยบายของรัฐบาลในการที่จะมาดูแล แก้ปัญหาในเรื่องของการถือครองกรรมสิทธิ์ในที่ดินที่มีปัญหาทับซ้อนระหว่างที่ดินของรัฐ กับที่ดินของประชาชน วันนี้ก็ได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปกำหนดแนวเขตระหว่างที่ดินของรัฐไม่ว่าจะเป็นที่ดินป่าไม้ หรือป่าพรุ ที่ดินเขตห้ามล่าทั้งหลายทั้งปวง กับที่ดินของประชาชน ที่ดินใดมีข้อพิพาทอยู่แล้วและไม่ใช่ที่ดินของรัฐ ผมในฐานะที่ดูแลกรมที่ดิน ก็มีความประสงค์จะเร่งรัดที่จะออกเอกสารสิทธิ์ให้ประชาชน อันนี้ก็ยังเดินหน้าต่อ เมื่อเราทราบแนวเขตแล้วก็จะส่งเจ้าหน้าที่มาออกสำรวจรังวัด ออกเอกสารสิทธิ์ให้กับพี่น้องประชาชน ในส่วนของที่ดินของรัฐซึ่งประชาชนไม่สามารถพิสูจน์สิทธิ์ได้ว่าถือการครอบครองมาก่อน ก็จะต้องนำไปสู่กระบวนการที่นำไปสู่ คทช.ที่เรียกว่าเป็นกฎหมายที่เป็นเครื่องมือของรัฐบาลออกมาใหม่เป็นเครื่องมือในการดูแลจัดการเรื่องที่ดินทำอย่างไรจะให้พี่น้องประชาชนแม้จะไม่มีกรรมสิทธิ์ในที่ดินมาก่อนก็ถือว่าพี่น้องในชุมชนนั้น หรือว่าในนามองค์กรนั้นๆ เขาสามารถเข้าไปทำประโยชน์ได้ จะเป็นการเช่าก็ดีหรือจะเป็นตามข้อตกลงกัน แต่เขาจะไม่อยู่ในฐานะผู้บุกรุก นี่คือสิ่งที่แสดงความประสงค์ และให้มีความชัดเจนในการแก้ปัญหาในเรื่องที่ดินให้กับพี่น้องประชาชน วันนี้ถือว่ามาทั้งเรื่องอุทกภัยและมาทั้งเรื่องของที่ดินรวมถึงขอความกรุณาผวจ.นราธิวาสให้เข้ามาช่วยดูแลเรื่องความปลอดภัยบนท้องถนนซึ่งถือว่ามีสถิติการเสียชีวิตที่สูงอยู่ อยากจะเห็นทุกฝ่ายได้ร่วมกันไม่ว่าจะเป็นกลไกของ ศูนย์ความปลอดภัยบนท้องถนนระดับจังหวัดศูนย์ความปลอดภัยบนท้องถนนอำเภอศูนย์ความปลอดภัยบนท้องถนนระดับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ต้องร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดในการที่จะดูแล เราประสบผลความสำเร็จในเรื่องของ covid-19 เพราะทุกฝ่ายบูรณาการกัน จึงอยากเห็นการบูรณาการแบบนี้ในทุกภารกิจของประเทศที่เป็นปัญหาอยู่ในขณะนี้อีกด้วย
นิพนธ์ รองหัวหน้าพรรค ปชป. สร้างฟุตบอล “ประชาธิปัตย์ คัพ” เพื่อพัฒนาและปลูกฝังระเบียบวินัย น้ำใจนักกีฬาสู่อนาคตที่ดีแก่เยาวชน 4 จังหวัด นราธิวาส ยะลา ปัตตานี และสงขลา เมื่อเวลา 09.30 น.วันนี้(11 ก.ย.63) นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นประธานเปิดการแข่งขันฟุตบอลนักเรียน 7 คน ต้านภัยยาเสพติด ประชาธิปัตย์คัพ ครั้งที่ 1 โดยมีรองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส นายกเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก หัวหน้าส่วนราชการ ตัวแทนจากสำนักงานสาขาพรรคประชาธิปัตย์ จังหวัดนราธิวาส ทั้ง 4 เขต พร้อมด้วยคณะกรรมการจัดการแข่งขัน ผู้ควบคุมทีม นักเตะเยาวชน และสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ทั้ง 4 เขตในจังหวัดนราธิวาส เข้าร่วมในพิธีเปิดกว่า 500 คน ทั้งนี้ทางสำนักงานสาขาพรรคประชาธิปัตย์จังหวัดนราธิวาส ทั้ง 4 เขต ได้มีการปรึกษาหารือที่จะส่งเสริมให้เยาวชนมาสนใจออกกำลังกาย และเป็นการประชาสัมพันธ์พรรคประชาธิปัตย์ให้เป็นที่ รู้จักอย่างแพร่หลาย จึงได้มีมติเห็นชอบให้จัดการแข่งขันฟุตบอลนักเรียน 7 คน ต้านภัยยาเสพติด ประชาธิปัตย์คัพ ครั้งที่ 1 ขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อเป็นการส่งเสริมให้เยาวชนห่างไกลจากยาเสพติด และมุ่งมั่นในการออกกำลังกาย ซึ่งจะเป็นการดึงเยาวชนให้เข้ามาอยู่ในสังคมที่ดีได้รู้จักความรัก ความสามัคคีในหมู่คณะ และก่อให้เกิดความสมบูรณ์ของ ร่างกาย อีกทั้งเป็นการสร้างระเบียบวินัยให้กับเยาวชน ให้รู้จักกฎกติกาในการเล่นกีฬา รู้จักแพ้ รู้จักชนะ และรู้จักให้อภัย และเป็นการสนับสนุนให้ยาวชน สามารถก้าวไปสู่การเป็นนักกีฬาฟุตบอลระดับจังหวัด และระดับชาติต่อไป ทั้งเพื่อให้ประชาชนได้เข้าใจ เข้าถึงบทบาทของพรรคประชาธิปัตย์ที่มีต่อสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อนักเรียน นักศึกษาและเยาวชน ในการแข่งขันมีนักเรียนเข้าร่วมแข่งขัน ประเภททีม อายุไม่เกิน 12 ปี จำนวน 4 ทีมและอายุไม่เกิน 15 ปี จำนวน 53 ทีม ทำการแข่งขันเป็นเวลา 2 วัน ซึ่งในวันที่ 12 เป็นการแข่งขันของนักเรียนอายุไม่เกิน 12 ปี และวันที่ 13 จะเป็นการแข่งขันของนักเรียนอายุไม่เกิน 15 ปี นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย และรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า” ต้องขอขอบคุณ ตัวแทนสาขาพรรคประชาธิปัตย์ ทั้ง 4 เขต ที่จัดการแข่งขันฟุตบอลนักเรียน 7 คน ต้านภัยยาเสพติด ประชาธิปัตย์คัพ ครั้งที่ 1 ขึ้นในวันนี้ ซึ่งนับเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการพัฒนาเยาวชน เพื่อส่งเสริมเยาวชน ให้ใข้เวลาว่างให้เป็นประโยขน์ นับเป็นการพัฒนา และฝึกทักษะในการเล่นกีฬาฟุตบอล ซึ่งการทำให้เยาวชนมีวินัยในการเล่นกีฬาจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพราะกีฬาจะมีในเรื่องของ กฏ กติกา และกีฬายังสอนให้เรารู้แพ้ รู้ชนะ และรู้อภัย เป็นการแสดงออกถึงความสามารถของตัวนักกีฬา เพื่อความหวังของชัยชนะ แต่ต้องอยู่ภายใต้กฏ กติกา และไม่ทิ้งคำว่า มิตรภาพ ซึ่งเยาวชนที่เข้าร่วมการแข่งขันในวันนี้มาจากหลายจังหวัดทางภาคใต้ จึงชี้ให้เห็นว่า เยาวชนที่เข้าร่วมการแข่งขันวันนี้ ทุกคนสนใจในด้านกีฬา และสำหรับผู้ที่พลาดหวังในวันนี้ ก็อย่าเสียใจ และเอาประสบการณ์ในวันนี้นำไปแก้ไข และพัฒนาเพื่อโอกาสต่อไป ในส่วนทีมที่ได้รับชัยชนะ ก็ขอให้หมั่นฝึกซ้อมต่อไป เพื่อรักษาแชมป์ให้ได้ วันนี้จึงถือเป็นการแข่งขันเริ่มต้นของจังหวัดนราธิวาส ซึ่งถือว่าทุกคนต่างมาหาทักษะ และประสบการณ์ เพื่อที่วันข้างหน้าจะพัฒนาก้าวไปสู่ในระดับอาชีพ เป็นการเก็บเกี่ยวประสบการณ์ที่ดี ดังนั้นจึงขอให้ตั้งใจเล่น และฝึกซ้อมในการแข่งขัน เพื่อพัฒนาทักษะการเล่นกีฬาของตนเอง และร่วมกันพัฒนากีฬาฟุตบอลต่อไปในอนาคต”
วันที่ 22 ธันวาคม 2563 เวลา 10.30 น. องค์การจัดการน้ำเสีย โดยสำนักงานจัดการน้ำเสียสาขาสงขลา ประชุมคณะกรรมการกำกับดูแลการบริหารจัดการระบบบำบัดน้ำเสียเทศบาลนครสงขลา ครั้งที่ 2/2563 ณ ห้องประชุมสารภี 1 ชั้น 2 เทศบาลนครสงขลา โดยมีนายสมศักดิ์ ตัณติเศรณี นายกเทศบาลนครสงขลา เป็นประธาน นายนิวัฒน์ สุขศิริ ปลัดเทศบาลนครสงขลา, นายธวัชชัย ประดิษฐอกฤษฎ์ ผู้อำนวยการส่วนช่างสุขาภิบาล,นายปัณณพัฒน์ จันทร์เจริญสุข ผู้อำนวยการฝ่ายจัดการน้ำเสีย 2 นางปนัดดา ภาณุทัต ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารการจัดเก็บรายได้,นายนรินทร์ รองโสภา รักษาการผู้จัดการสำนักงานจัดการน้ำเสียสาขาสงขลา, พนักงานสาขาสงขลาเเละหาดใหญ่, เจ้าหน้าที่สำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 16, เจ้าหน้าที่สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดสงขลาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม
วันที่ 22 ธันวาคม 2563 เวลา 10.00 น. ณ ห้องประชุมเทศบาลตำบลบางเสร่ องค์การจัดการน้ำเสีย โดยสำนักงานจัดการน้ำเสียสาขาบางเสร่ ให้การตัอนรับองค์การบริหารส่วนตำบลพะทาย อำเภอท่าอุเทน จังหวัดนครพนม จำนวน 35 คน ที่เข้าศึกษาดูงานการมีส่วนร่วมการบริหารจัดการน้ำเสียชุมชนของเทศบาลตำบลบางเสร่
เมื่อวันที่ 6-8 ธันวาคม 2563 นายชีระ วงศบูรณะ ผู้อำนวยการองค์การจัดการน้ำเสียได้เดินทางเข้าประชุมกับ คณะกรรมาธิการ กิจการศาล องค์อิสระ องค์กรอัยการ รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชนและกองทุน ของรัฐสภา ที่เทศบาลตำบลปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน โดยมี ส่วนราชการ เข้าร่วม ได้แก่ ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอนการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เทศบาลเมืองแม่ฮ่องสอน เทศบาลตำบลปาย โดยได้มีการหารือ เพื่อดำเนินการ บริหารจัดการ น้ำเสียชุมชน ระหว่างองค์การจัดการน้ำเสียและเทศบาลเมืองแม่ฮองสอนและเทศบาลตำบลปายที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว ที่ได้ความนิยม เพื่อเป็นการร่วมกันป้องกันแก้ไขปัญหาน้ำเสียที่จะเกิดขึ้นจากการท่องเที่ยวในอนาคต
นิพนธ์ฯ ชื่นชม ท้องถิ่นที่ดูแลทุกข์สุขประชาชนและร่วมแก้ไขปัญหา COVID-19 แนะ ปรับตัวให้ก้าวทันเทคโนโลยี พร้อมฝาก ให้รักษาชีวิตลดการตายบนท้องถนน เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 11 ธันวาคม 2563 ที่โรงแรมอังสนา ลากูน่า ภูเก็ต นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการประชุมและการสัมมนาทางวิชาการสมาคมสันนิบาตเทศบาลแห่งประเทศไทยครั้งที่ 3 ประจำปี 2563 โดยมี นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย นายณรงค์ วุ่นซิ้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต นางสาวสมใจสุวรรณ ศุภพนา นายกสมาคมสันนิบาตแห่งประเทศไทย พร้อมด้วยนายกเทศมนตรี ประธานสภาเทศบาล ปลัดเทศบาล และบุคลากรของเทศบาล จำนวนกว่า 3,500 คนเข้าร่วมการประชุม นายนิพนธ์ กล่าวว่า “องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น คือหน่วยงานปกครองที่อยู่ใกล้ชิดกับประชาชนสามารถตอบสนองความต้องการของประชาชนในท้องถิ่นได้มากที่สุด เทศบาลจึงมีหน้าที่ดูแลทุกข์สุขของพี่น้องประชาชน ซึ่งกระทรวงมหาดไทยถือว่า กลไกท้องถิ่นจึงมีความสำคัญต่อการพัฒนาประเทศทุกด้าน หากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสามารถปกครองตนเองมีความคล่องตัวในการบริหารจัดการ ก็ย่อมทำให้ประเทศเจริญก้าวหน้าได้อย่างรวดเร็ว และสามารถแก้ปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนได้ทันกับสถานการณ์ ทั้งจากสถานการณ์ที่เกิดจากภัยพิบัติ ปัญหาในด้านสาธารณสุข กระทรวงมหาดไทยได้ให้ความสำคัญทางกลไกของท้องถิ่นและท้องที่ในการบำบัดทุกข์บำรุงสุขให้กับพี่น้องประชาชนและสนับสนุนภารกิจต่างๆของท้องถิ่นเพื่อนำไปสู่การแก้ไข พร้อมยกระดับการปกครองท้องถิ่นรองรับการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมต่างๆให้ทันกับเทคโนโลยีต่างๆ ที่เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของพี่น้องประชาชนมากขึ้น ซึ่งเชื่อว่าวิถีชีวิตของประชาชนในชุมชนในอนาคตจะมีการเปลี่ยนแปลงไป จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 โลกในอนาคตจะเป็นเรื่องของเทคโนโลยีมากขึ้น ทำอย่างไรให้ชุมชนมีการปรับตัวให้ทันต่อเทคโนโลยีที่จะมีการเปลี่ยนแปลงไป และสามารถสร้างรายได้ให้กับครอบครัว ชุมชนในภายภาคหน้า ท้องถิ่นต้องให้ความรู้ชุมชน เพื่อสร้างความรู้และพัฒนาทักษะด้าน e-Commerce ในยุคเทคโนโลยีดิจิทัล ที่จะนำไปสู่การเพิ่มโอกาสในการแข่งขันด้านการตลาดเป็นการเพิ่มช่องทางสร้างอาชีพและเพิ่มรายได้ให้แก่ชุมชน” นายนิพนธ์ กล่าวอีกว่า “ใกล้ช่วงเทศกาลปีใหม่ 2564 นี้จึงขอฝากเรื่องรักษาชีวิตสร้างความปลอดภัยเพื่อลดการตายบนท้องถนนทุกคนต้องช่วยกันดูแล แม้ว่าตัวเลขยอดผู้เสียชีวิตจะลดลงจาก 22,000 ราย/ปี เหลือ 15,000 ราย/ปี ซึ่งถือว่าตัวเลขยังสูงอยู่เมื่อเปรียบเทียบการสูญเสียชีวิตจากเหตุการณ์ต่างๆ ขอโอกาสนี้เชิญชวนพี่น้องทุกท่านได้ตระหนักถึงการใช้รถใช้ถนนโดยเฉพาะอย่างยิ่งรถจักรยานยนต์ ที่เป็นสาเหตุการเสียชีวิตบนท้องถนนมากที่สุด โดยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น(อปท.) บูรณาการทุกหน่วยงานร่วมมือกันและถอดบทเรียนความสำเร็จจากการแก้ไขปัญหาโควิด-19 มาใช้ในการแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุทางถนนในช่วง 7 วันอันตราย รวมถึงแนวทางการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า2019(COVID-19)”
นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงหมาดไทย (มท.2) ลงพื้นที่ นราธิวาสเตรียมแผนรับมืออุทกภัย-ภัยแล้ง-ไฟป่าพรุ พร้อม กำชับ เร่งรัดเดินสำรวจออกโฉนดฯ และแก้ไขปัญหาที่ดินของรัฐทับซ้อนที่ดินประชาชน พร้อม ผลักดันการก่อสร้างรั้วตามแนวชายแดนไทย-มาเลย์เต็มพื้นที่ เมื่อเวลา 14.00 น. วันนี้ (11ก.ย.63) นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (มท.2) และคณะ เดินทางมาตรวจเยี่ยมติดตามความพร้อม แผนบริหารจัดการสาธารณภัยในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส ด้านอุทกภัย ภัยแล้ง และไฟป่า รวมถึงการติดตามการแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัย และที่ดินทำกินของราษฎร ในพื้นที่ตำบลสุไหงปาดีทับซ้อนที่ดินของรัฐ ณ ห้องประชุมชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดนราธิวาส โดยมี นายเอกรัฐ หลีเส็น ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง รวมถึงกำนัน ผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ตำบลสุไหงปาดี เข้าร่วมประชุมและรายงานผลการปฏิบัติงาน โดย รมช.มท. ได้มอบนโยบายในเรื่องการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย ภัยแล้ง และไฟป่า ว่า “รัฐบาลได้ให้ความสำคัญในการเตรียมความพร้อมรับมือป้องกันเผชิญเหตุ และให้ความช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัยอย่างเป็นระบบ และมีประสิทธิภาพโดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้บูรณาการร่วมกับทุกภาคส่วน ทั้งด้านหน่วยปฏิบัติการ และเครื่องจักรกลสาธารณภัยในพื้นที่ ทั้งในส่วนของด้านกำลังพล เครื่องจักรกล งานระบบสื่อสารเพื่อให้มีความพร้อมรองรับสถานการณ์อุทกภัย ภัยแล้ง ไฟป่าที่อาจเกิดขึ้น ตั้งแต่ให้มีการทบทวนและปรับปรุงแผนที่อุทกภัยของจังหวัดให้สอดคล้องกับอุทกภัยสถานการณ์ปัจจุบัน โดยหน่วยงานต่างๆต้องตรวจสอบและเตรียมความพร้อม วัสดุอุปกรณ์ เครื่องจักรกลสาธารณภัย เครื่องมือสื่อสาร เครื่องมือแจ้งเตือนภัย ให้มีความพร้อมใช้งาน และต้องมีการกำหนดพื้นที่ปลอดภัย เส้นทางอพยพชั่วคราว ศูนย์พักพิงชั่วคราว ตลอดจนการซักซ้อมความเข้าใจของเจ้าหน้าที่ และประชาชน ถึงแนวทางปฏิบัติ เพื่อลดความสับสน รวมถึงเร่งทำการขุดลอกท่อระบายน้ำ กำจัดวัชพืช สิ่งกีดขวางทางน้ำ ให้สามารถรองรับน้ำ และระบายได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมเปิดช่องทางแจ้งเตือนให้ประชาชนทราบทางสื่อต่างๆ ทั้งของชุมชน หอกระจายข่าวประจำหมู่บ้าน เพื่อให้ประชาชนเข้าใจ ถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาของภาครัฐอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น การเตรียมความพร้อม จึงเป็นกลไกที่สำคัญ ที่จะทำให้การปฏิบัติการเผชิญเหตุ และช่วยเหลือผู้ประสบภัยเป็นไปอย่างรวดเร็ว ทันต่อเหตุการณ์ และมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะสามารถลดความสูญเสีย ทั้งชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนได้ รวมถึงความสำคัญกับการแจ้งเตือนภัยอย่างเป็นระบบ รวดเร็ว และเข้าถึงประชาชนได้ตรงจุด การสร้างเครือข่ายประชาสังคม อาสาสมัคร กู้ภัยในพื้นที่ ทั้งนี้การเตรียมความพร้อมจึงถือเป็นกลไกสำคัญในการบูรณาการ จัดการในภาวะฉุกเฉินตามแผนที่กำหนด รวมถึงการซักซ้อมแผนให้พร้อมดูแลประชาชน และสามารถบริหารจัดการสถานการณ์อุทกภัย ภัยแล้ง และไฟป่าที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างเป็นระบบ” ทั้งนี้ นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงหมาดไทย (มท.2) ยังได้ฝากในเรื่องของความปลอดภัยบนท้องถนน ว่า “ตั้งแต่ต้นปีจนถึงวันนี้การเสียชีวิตบนท้องถนน มีจำนวนประมาณหมื่นกว่ารายแล้ว ฉะนั้นจึงถือเป็นภัยที่คุกคาม ทั้งชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนคนไทย ดังนั้นเรื่องการลดอุบัติเหตุบนท้องถนน ยังคงเป็นภารกิจที่ต้องขอความร่วมมือที่ทุกหน่วยงานต้องร่วมกันขับเคลื่อนโครงการเสริมสร้างประสิทธิภาพ การป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนในระดับพื้นที่ ให้เกิดผลเป็นรูปธรรม โดยความร่วมมือระหว่างท้องที่ และ ท้องถิ่นร่วมกับภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วน ดำเนินการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนในพื้นที่อย่างจริงจัง โดยการดำเนินการบังคับใช้กฎหมาย อย่างเข้มงวดตลอดทั้งปี และให้หน่วยงานที่รับผิดชอบให้ความสำคัญ กับการออกแบบการแก้ปัญหาจุดเสี่ยง จุดอันตราย ในถนนที่รับผิดชอบ ให้มีความปลอดภัย และกำหนดให้มีการประชุม ศปถ.จังหวัด ศปถ.อำเภอ และศปถ.อปท. เป็นประจำทุกเดือน นอกจากนี้ นายนิพนธ์ บุญญามณีรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงหมาดไทย (มท.2) ยังได้ติดตามในเรื่องโครงการก่อสร้างเขื่อนกั้นแม่น้ำโกลกในระยะที่ 1 ซึ่งก้าวหน้าไป 80 เปอร์เซ็นต์แล้วส่วนระยะที่ 2 ก็จะดำเนินการต่อจากระยะที่ 1 ต่อไป และยังได้รับทราบความประสงค์ของหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาสในเรื่องแนวรั้วชายแดนกับด่านพรมแดน ที่ติดกับประเทศเพื่อนบ้าน ว่าความประสงค์ที่จะให้ดำเนินการต่อเนื่องไปถึงพื้นที่อำเภอตากใบ ซึ่งคิดว่าจะเป็นประโยชน์มากขึ้น สำหรับการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยแล้งและแก้ไขปัญหาไฟป่าพรุนั้น ก็ทราบว่าทั้งชลประทานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้มีแผนงานที่ชัดเจน ในส่วนของเรื่องปัญหาที่ดิน การออกเอกสารสิทธิ์ในที่ดินให้กับพี่น้องประชาชน ซึ่งเรื่องนี้ก็ถือว่ามีความสำคัญอย่างยิ่ง และเป็นนโยบายของรัฐบาลในการที่จะมาดูแล แก้ปัญหาในเรื่องของการถือครองกรรมสิทธิ์ในที่ดินที่มีปัญหาทับซ้อนระหว่างที่ดินของรัฐ กับที่ดินของประชาชน วันนี้ก็ได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปกำหนดแนวเขตระหว่างที่ดินของรัฐไม่ว่าจะเป็นที่ดินป่าไม้ หรือป่าพรุ ที่ดินเขตห้ามล่าทั้งหลายทั้งปวง กับที่ดินของประชาชน ที่ดินใดมีข้อพิพาทอยู่แล้วและไม่ใช่ที่ดินของรัฐ ผมในฐานะที่ดูแลกรมที่ดิน ก็มีความประสงค์จะเร่งรัดที่จะออกเอกสารสิทธิ์ให้ประชาชน อันนี้ก็ยังเดินหน้าต่อ เมื่อเราทราบแนวเขตแล้วก็จะส่งเจ้าหน้าที่มาออกสำรวจรังวัด ออกเอกสารสิทธิ์ให้กับพี่น้องประชาชน ในส่วนของที่ดินของรัฐซึ่งประชาชนไม่สามารถพิสูจน์สิทธิ์ได้ว่าถือการครอบครองมาก่อน ก็จะต้องนำไปสู่กระบวนการที่นำไปสู่ คทช.ที่เรียกว่าเป็นกฎหมายที่เป็นเครื่องมือของรัฐบาลออกมาใหม่เป็นเครื่องมือในการดูแลจัดการเรื่องที่ดินทำอย่างไรจะให้พี่น้องประชาชนแม้จะไม่มีกรรมสิทธิ์ในที่ดินมาก่อนก็ถือว่าพี่น้องในชุมชนนั้น หรือว่าในนามองค์กรนั้นๆ เขาสามารถเข้าไปทำประโยชน์ได้ จะเป็นการเช่าก็ดีหรือจะเป็นตามข้อตกลงกัน แต่เขาจะไม่อยู่ในฐานะผู้บุกรุก นี่คือสิ่งที่แสดงความประสงค์ และให้มีความชัดเจนในการแก้ปัญหาในเรื่องที่ดินให้กับพี่น้องประชาชน วันนี้ถือว่ามาทั้งเรื่องอุทกภัยและมาทั้งเรื่องของที่ดินรวมถึงขอความกรุณาผวจ.นราธิวาสให้เข้ามาช่วยดูแลเรื่องความปลอดภัยบนท้องถนนซึ่งถือว่ามีสถิติการเสียชีวิตที่สูงอยู่ อยากจะเห็นทุกฝ่ายได้ร่วมกันไม่ว่าจะเป็นกลไกของ ศูนย์ความปลอดภัยบนท้องถนนระดับจังหวัดศูนย์ความปลอดภัยบนท้องถนนอำเภอศูนย์ความปลอดภัยบนท้องถนนระดับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ต้องร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดในการที่จะดูแล เราประสบผลความสำเร็จในเรื่องของ covid-19 เพราะทุกฝ่ายบูรณาการกัน จึงอยากเห็นการบูรณาการแบบนี้ในทุกภารกิจของประเทศที่เป็นปัญหาอยู่ในขณะนี้อีกด้วย
นิพนธ์ รองหัวหน้าพรรค ปชป. สร้างฟุตบอล “ประชาธิปัตย์ คัพ” เพื่อพัฒนาและปลูกฝังระเบียบวินัย น้ำใจนักกีฬาสู่อนาคตที่ดีแก่เยาวชน 4 จังหวัด นราธิวาส ยะลา ปัตตานี และสงขลา เมื่อเวลา 09.30 น.วันนี้(11 ก.ย.63) นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นประธานเปิดการแข่งขันฟุตบอลนักเรียน 7 คน ต้านภัยยาเสพติด ประชาธิปัตย์คัพ ครั้งที่ 1 โดยมีรองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส นายกเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก หัวหน้าส่วนราชการ ตัวแทนจากสำนักงานสาขาพรรคประชาธิปัตย์ จังหวัดนราธิวาส ทั้ง 4 เขต พร้อมด้วยคณะกรรมการจัดการแข่งขัน ผู้ควบคุมทีม นักเตะเยาวชน และสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ทั้ง 4 เขตในจังหวัดนราธิวาส เข้าร่วมในพิธีเปิดกว่า 500 คน ทั้งนี้ทางสำนักงานสาขาพรรคประชาธิปัตย์จังหวัดนราธิวาส ทั้ง 4 เขต ได้มีการปรึกษาหารือที่จะส่งเสริมให้เยาวชนมาสนใจออกกำลังกาย และเป็นการประชาสัมพันธ์พรรคประชาธิปัตย์ให้เป็นที่ รู้จักอย่างแพร่หลาย จึงได้มีมติเห็นชอบให้จัดการแข่งขันฟุตบอลนักเรียน 7 คน ต้านภัยยาเสพติด ประชาธิปัตย์คัพ ครั้งที่ 1 ขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อเป็นการส่งเสริมให้เยาวชนห่างไกลจากยาเสพติด และมุ่งมั่นในการออกกำลังกาย ซึ่งจะเป็นการดึงเยาวชนให้เข้ามาอยู่ในสังคมที่ดีได้รู้จักความรัก ความสามัคคีในหมู่คณะ และก่อให้เกิดความสมบูรณ์ของ ร่างกาย อีกทั้งเป็นการสร้างระเบียบวินัยให้กับเยาวชน ให้รู้จักกฎกติกาในการเล่นกีฬา รู้จักแพ้ รู้จักชนะ และรู้จักให้อภัย และเป็นการสนับสนุนให้ยาวชน สามารถก้าวไปสู่การเป็นนักกีฬาฟุตบอลระดับจังหวัด และระดับชาติต่อไป ทั้งเพื่อให้ประชาชนได้เข้าใจ เข้าถึงบทบาทของพรรคประชาธิปัตย์ที่มีต่อสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อนักเรียน นักศึกษาและเยาวชน ในการแข่งขันมีนักเรียนเข้าร่วมแข่งขัน ประเภททีม อายุไม่เกิน 12 ปี จำนวน 4 ทีมและอายุไม่เกิน 15 ปี จำนวน 53 ทีม ทำการแข่งขันเป็นเวลา 2 วัน ซึ่งในวันที่ 12 เป็นการแข่งขันของนักเรียนอายุไม่เกิน 12 ปี และวันที่ 13 จะเป็นการแข่งขันของนักเรียนอายุไม่เกิน 15 ปี นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย และรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า” ต้องขอขอบคุณ ตัวแทนสาขาพรรคประชาธิปัตย์ ทั้ง 4 เขต ที่จัดการแข่งขันฟุตบอลนักเรียน 7 คน ต้านภัยยาเสพติด ประชาธิปัตย์คัพ ครั้งที่ 1 ขึ้นในวันนี้ ซึ่งนับเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการพัฒนาเยาวชน เพื่อส่งเสริมเยาวชน ให้ใข้เวลาว่างให้เป็นประโยขน์ นับเป็นการพัฒนา และฝึกทักษะในการเล่นกีฬาฟุตบอล ซึ่งการทำให้เยาวชนมีวินัยในการเล่นกีฬาจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพราะกีฬาจะมีในเรื่องของ กฏ กติกา และกีฬายังสอนให้เรารู้แพ้ รู้ชนะ และรู้อภัย เป็นการแสดงออกถึงความสามารถของตัวนักกีฬา เพื่อความหวังของชัยชนะ แต่ต้องอยู่ภายใต้กฏ กติกา และไม่ทิ้งคำว่า มิตรภาพ ซึ่งเยาวชนที่เข้าร่วมการแข่งขันในวันนี้มาจากหลายจังหวัดทางภาคใต้ จึงชี้ให้เห็นว่า เยาวชนที่เข้าร่วมการแข่งขันวันนี้ ทุกคนสนใจในด้านกีฬา และสำหรับผู้ที่พลาดหวังในวันนี้ ก็อย่าเสียใจ และเอาประสบการณ์ในวันนี้นำไปแก้ไข และพัฒนาเพื่อโอกาสต่อไป ในส่วนทีมที่ได้รับชัยชนะ ก็ขอให้หมั่นฝึกซ้อมต่อไป เพื่อรักษาแชมป์ให้ได้ วันนี้จึงถือเป็นการแข่งขันเริ่มต้นของจังหวัดนราธิวาส ซึ่งถือว่าทุกคนต่างมาหาทักษะ และประสบการณ์ เพื่อที่วันข้างหน้าจะพัฒนาก้าวไปสู่ในระดับอาชีพ เป็นการเก็บเกี่ยวประสบการณ์ที่ดี ดังนั้นจึงขอให้ตั้งใจเล่น และฝึกซ้อมในการแข่งขัน เพื่อพัฒนาทักษะการเล่นกีฬาของตนเอง และร่วมกันพัฒนากีฬาฟุตบอลต่อไปในอนาคต”