
วันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2568 เวลา 08.45 น. ณ อุทยานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ถนนศรีอยุธยา เขตดุสิต กรุงเทพฯ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นำข้าราชการและประชาชนทุกหมู่เหล่า วางพุ่มดอกไม้ถวายบังคมพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร วันชาติ และวันพ่อแห่งชาติ 5 ธันวาคม 2568 ในนามนายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี และกระทรวงมหาดไทย ในการนี้ว่าที่ร้อยตรีพัฒนภูมิ อังศุสิงห์ รองผู้อำนวยการปฏิบัติการ นางดวงแข ยงสุวรรณ ผู้อำนวยการสำนักผู้อำนวยการ พร้อมผู้บริหารองค์การจัดการน้ำเสีย เป็นผู้แทน อจน. เข้าร่วมพิธีฯ ดังกล่าวด้วย

วันนี้ 1 มิถุนายน 2563 เวลา 14.00 น. นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย(มท.2) ร่วมแสดงความยินดี กับ เนชั่นทีวี Nation TV เนื่องในโอกาสครบรอบ 20 ปี วันที่ 1 มิถุนายน 2563 ณ อาคารอินเตอร์ลิงค์ ย่านบางนา

เมื่อเวลา 9.00 น.วันนี้(29 พ.ค.63) นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย(มท.2)พร้อมด้วย พล.ร.ต.สมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการศอ.บต. นั่งเฮลิคอปเตอร์บินสำรวจความเสียหายไฟไหม้ป่าพรุบาเจาะ ในพื้นที่อำเภอยี่งอ จังหวัดนราธิวาส โดยไฟไหม้ป่าพรุบาเจาะ นั้น ได้เกิดสถานการณ์มาตั้งแต่วันที่ 15 พ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งอยู่ในบริเวณพื้นที่ของนิคมสหกรณ์บาเจาะ ตำบลลุโบะบือซา อำเภอยี่งอ จังหวัดนราธิวาส พื้นที่ป่าได้รับความเสียหายกว่า 2,120 ไร่ จากนั้น ในเวลา 10น. นายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มท. ได้ประชุมร่วมกับ นายเอกรัฐ หลีเส็น ผวจ.นราธิวาส, พล.ร.ต.สมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการศอ.บต. และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ทั้ง ผู้แทนโครงการชลประทานจังหวัดนราธิวาส สถานีควบคุมไฟป่า นิคมสหกรณ์บาเจาะ รวมถึงกำนัน ผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่เข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุมชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดนราธิวาส อำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส ในที่ประชุม นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้รับฟังการรายงานและแก้ไขสถานการณ์ไฟป่าจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานที่รับผิดชอบ ได้บูรณาการปฏิบัติร่วมกันเพื่อป้องกันการซ้ำซ้อน โดยให้ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส เป็นผู้ควบคุมการปฏิบัติในภาพรวม และ บริหารจัดการสถานการณ์ให้คลี่คลายโดยเร็วภายใน5-7วัน ในส่วนของการควบคุมสถานการณ์ไฟป่าในพื้นที่ รมช.มท. ได้สั่งการให้ ศูนย์ป้องกันบรรเทาสาธารณภัย เขต 12 สงขลา ส่งเครื่องสูบน้ำระยะไกลเพิ่มอีก 1 เครื่องจากเดิมที่ส่งไปแล้วจำนวน 2 เครื่อง และเจ้าหน้าที่ผู้มีความชำนาญ ดำเนินการทันทีตั้งแต่เกิดสถานการณ์ พร้อมทั้ง ประสานงานร่วมกับศูนย์ชลประทาน เขต17. สำนักงานทรัพยากรน้ำภาค 8 สงขลา และหน่วยงานอื่นๆสนับสนุน เครื่องสูบน้ำขนาดตามความเหมาะสมของพื้นที่ รถดับเพลิง รถบรรทุกน้ำ รถแบคโฮ เพื่อร่วมบูรณาการดับไฟป่า นอกจากนี้ ในส่วนพื้นที่ที่เข้าไปปฏิบัติงานได้ยากและมีความเสี่ยงสูง ได้มีการสั่งการให้ เฮลิคอปเตอร์ลำเลียง จากหมวดบินเฉพาะกิจภาคใต้ เข้าปฏิบัติภารกิจทิ้งน้ำดับไฟในพื้นที่อีกด้วย สำหรับพื้นที่ป่าพรุในเขตนิคมสหกรณ์บาเจาะ มีพื้นที่ทั้งสิ้น 90,000 ไร่ โดยประมาณ และได้กันไว้เป็นป่าส่วนกลางไว้ร้อยละ 20 ของพื้นที่ โดยมีลำคลองกันเป็นแนวไว้เพื่อป้องกันชาวบ้านบุกรุกในเขตพื้นที่ป่าอนุรักษ์ ซึ่งการเกิดสถานการณ์ไฟไหม้ป่าพรุอยู่ในขณะนี้ สามารถการไหม้ทั้งแนวราบและแนวดิ่งที่ลงลึกถึงตะกอนที่ทับถมในพื้นที่ป่าพรุ ส่งผลให้การดับไฟในที่ป่าพรุค่อนข้างยากลำบาก และอาจต้องใช้น้ำจำนวนมากเพื่อดับไฟป่าในครั้งนี้ และสถานการณ์โดยรวมยังคงมีไฟคุกรุ่นอยู่ และอาจมีแนวโน้มลุกลามอีก ซึ่งรมช.มท. ได้สั่งการกำชับการปฏิบัติให้มีการจัดเวรยามของชาวบ้านในพื้นที่ จนท.ปภ.ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และหน่วยสนับสนุนเครื่องจักรเตรียมความพร้อม เพื่อป้องกันและควบคุมสถานการณ์

เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2563 นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย(มท.2) ลงพื้นที่ตรวจความพร้อมสำหรับการเปิดเมืองและสถานที่ท่องเที่ยวทางทะเลในจังหวัดกระบี่ โดยมีรองผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ หัวอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องรายงานข้อมูลความพร้อมและสถานการณ์ในพื้นที่ ทั้งนี้ ตามคำสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019(โควิด-19) ที่ 6/2563 เรื่อง แนวปฏิบัติตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (ฉบับที่ 5) ลงวันที่ 30 มิถุนายน 2563 ได้กำหนดมาตรการป้องกันโรคเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด – 19 โดยกำหนดกิจการ/กิจกรรม มาตรการควบคุมหลัก มาตรการเสริม ที่ผ่อนคลายมากขึ้น เพื่อให้ประชาชนทั่วไปและนักท่องเที่ยวสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติมากขึ้น นั้น ในส่วนของสถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดกระบี่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพื้นที่ท่องเที่ยวทางทะเล เช่น อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี เกาะลันคา เป็นสถานที่ที่ได้รับความนิยมของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ ซึ่งอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี ได้มีการเตรียมความพร้อมเพื่อการท่องเที่ยววิถีใหม่ โดยกำหนดมาตรการต่าง ๆ เพื่อรองรับนักท่องเที่ยว เช่น การท่องเที่ยวผ่านการลงทะเบียนจองสิทธิ์ การโหลดแอพลิเคชั่นคิวคิว(QueQ) การจำกัดนักท่องเที่ยวลง 50 % เพื่อการตรวจสอบดูแลได้ทั่วถึง เป็นต้น รวมทั้งความพร้อมเพื่อการช่วยเหลือนักท่องเที่ยวหากเกิดกรณีฉุกเฉิน นอกจากนี้ องค์การจัดการน้ำเสีย(อจน.)รัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวงมหาดไทย ภายใต้การกำกับของนายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มท. นั้น ได้อนุมัติงบประมาณเพื่อการจัดทำระบบบำบัดน้ำเสียบนเกาะพีพี เพื่อรักษาสภาพระบบนิเวศบนเกาะ รองรับนักท่องเที่ยวที่มีจำนวนมากในแต่ละปี พร้อมทั้ง ยังได้ให้มีการศึกษา ออกแบบ ระบบบำบัดน้ำเสียในพื้นที่อ่าวนาง อำเภอเมืองกระบี่ เพื่อการรักษาสภาพแวดล้อม อีกด้วย นิพนธ์ รมช.มท. กล่าวว่า ” การเปิดพื้นที่ต่างๆขณะนี้ดำเนินไปเกือบครอบคลุมทั้งประเทศแล้ว อย่างไรก็ตาม ยังมีบางกิจกรรม ที่ยังคงจำเป็นที่จะต้องชะลอไว้ก่อนเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่า 2019(COVID-19) ระลอกใหม่ที่อาจจะเกิดขึ้นได้ สำหรับการผ่อนปรนมาตรการระยะที่5 ตามที่ได้มีประกาศมีผลตั้งแต่ 1 ก.ค. ที่ผ่านมานั้น การปฏิบัติตามมาตรการในข้อควรระวังอย่างเคร่งครัดยังเป็นสิ่งจำเป็นโดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ชายหาดและเกาะต่างๆ ของจังหวัดกระบี่เป็นที่ทราบกันดีว่านักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาตินิยมท่องเที่ยว เป็นที่รวมกันของกลุ่มคน เช่น การนั่งรถ เรือ เพื่อสัญจร การเล่นน้ำ การใช้ที่พัก เป็นต้น จึงทำให้มีความเสี่ยงสูงกว่าพื้นที่อื่นๆ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ ยังต้องคำนึงและระมัดระวังอย่างมาก การ์ดต้องไม่ตก เพื่อไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดซ้ำอีก นายนิพนธ์ ยังกล่าวอีกว่า ” การเปิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจต่างๆ รวมถึง การเปิดพื้นที่ต่างๆ ก็ยังเป็นเรื่องจำเป็น เพราะ ผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 นั้นส่งผลกระทบอย่างรุนแรงให้แก่ภาคธุรกิจ ซึ่งรัฐบาลก็เองตระหนักถึงปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างเข้าใจและพร้อมพิจารณาแนวทางผ่อนปรนการดำเนินกิจกรรมต่างๆที่ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม ได้ยื่นเสนอมาในส่วนของกระทรวงมหาดไทยเอง ตนได้กำชับการปฏิบัติไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดต่างๆ รวมถึงนายอำเภอ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ให้มีความพร้อมใน 2 เรื่อง คือ การดูแลความปลอดภัยในพื้นที่ที่เปิดและผ่อนคลายให้ทำกิจกรรมไปแล้ว และดูแลในกิจกรรมใดที่มีหากมีการเรียกร้องและมีความพร้อม มีการเตรียมการเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดฯได้ ให้เข้าช่วยเหลือและรายงานข้อเรียกร้องมายัง ศบค.ของกระทรวงมหาดไทย เพื่อเสนอเรื่องไปยังคำสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 ต่อไป

วันนี้ 1 มิถุนายน 2563 เวลา 14.00 น. นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย(มท.2) ร่วมแสดงความยินดี กับ เนชั่นทีวี Nation TV เนื่องในโอกาสครบรอบ 20 ปี วันที่ 1 มิถุนายน 2563 ณ อาคารอินเตอร์ลิงค์ ย่านบางนา

เมื่อเวลา 9.00 น.วันนี้(29 พ.ค.63) นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย(มท.2)พร้อมด้วย พล.ร.ต.สมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการศอ.บต. นั่งเฮลิคอปเตอร์บินสำรวจความเสียหายไฟไหม้ป่าพรุบาเจาะ ในพื้นที่อำเภอยี่งอ จังหวัดนราธิวาส โดยไฟไหม้ป่าพรุบาเจาะ นั้น ได้เกิดสถานการณ์มาตั้งแต่วันที่ 15 พ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งอยู่ในบริเวณพื้นที่ของนิคมสหกรณ์บาเจาะ ตำบลลุโบะบือซา อำเภอยี่งอ จังหวัดนราธิวาส พื้นที่ป่าได้รับความเสียหายกว่า 2,120 ไร่ จากนั้น ในเวลา 10น. นายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มท. ได้ประชุมร่วมกับ นายเอกรัฐ หลีเส็น ผวจ.นราธิวาส, พล.ร.ต.สมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการศอ.บต. และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ทั้ง ผู้แทนโครงการชลประทานจังหวัดนราธิวาส สถานีควบคุมไฟป่า นิคมสหกรณ์บาเจาะ รวมถึงกำนัน ผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่เข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุมชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดนราธิวาส อำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส ในที่ประชุม นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้รับฟังการรายงานและแก้ไขสถานการณ์ไฟป่าจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานที่รับผิดชอบ ได้บูรณาการปฏิบัติร่วมกันเพื่อป้องกันการซ้ำซ้อน โดยให้ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส เป็นผู้ควบคุมการปฏิบัติในภาพรวม และ บริหารจัดการสถานการณ์ให้คลี่คลายโดยเร็วภายใน5-7วัน ในส่วนของการควบคุมสถานการณ์ไฟป่าในพื้นที่ รมช.มท. ได้สั่งการให้ ศูนย์ป้องกันบรรเทาสาธารณภัย เขต 12 สงขลา ส่งเครื่องสูบน้ำระยะไกลเพิ่มอีก 1 เครื่องจากเดิมที่ส่งไปแล้วจำนวน 2 เครื่อง และเจ้าหน้าที่ผู้มีความชำนาญ ดำเนินการทันทีตั้งแต่เกิดสถานการณ์ พร้อมทั้ง ประสานงานร่วมกับศูนย์ชลประทาน เขต17. สำนักงานทรัพยากรน้ำภาค 8 สงขลา และหน่วยงานอื่นๆสนับสนุน เครื่องสูบน้ำขนาดตามความเหมาะสมของพื้นที่ รถดับเพลิง รถบรรทุกน้ำ รถแบคโฮ เพื่อร่วมบูรณาการดับไฟป่า นอกจากนี้ ในส่วนพื้นที่ที่เข้าไปปฏิบัติงานได้ยากและมีความเสี่ยงสูง ได้มีการสั่งการให้ เฮลิคอปเตอร์ลำเลียง จากหมวดบินเฉพาะกิจภาคใต้ เข้าปฏิบัติภารกิจทิ้งน้ำดับไฟในพื้นที่อีกด้วย สำหรับพื้นที่ป่าพรุในเขตนิคมสหกรณ์บาเจาะ มีพื้นที่ทั้งสิ้น 90,000 ไร่ โดยประมาณ และได้กันไว้เป็นป่าส่วนกลางไว้ร้อยละ 20 ของพื้นที่ โดยมีลำคลองกันเป็นแนวไว้เพื่อป้องกันชาวบ้านบุกรุกในเขตพื้นที่ป่าอนุรักษ์ ซึ่งการเกิดสถานการณ์ไฟไหม้ป่าพรุอยู่ในขณะนี้ สามารถการไหม้ทั้งแนวราบและแนวดิ่งที่ลงลึกถึงตะกอนที่ทับถมในพื้นที่ป่าพรุ ส่งผลให้การดับไฟในที่ป่าพรุค่อนข้างยากลำบาก และอาจต้องใช้น้ำจำนวนมากเพื่อดับไฟป่าในครั้งนี้ และสถานการณ์โดยรวมยังคงมีไฟคุกรุ่นอยู่ และอาจมีแนวโน้มลุกลามอีก ซึ่งรมช.มท. ได้สั่งการกำชับการปฏิบัติให้มีการจัดเวรยามของชาวบ้านในพื้นที่ จนท.ปภ.ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และหน่วยสนับสนุนเครื่องจักรเตรียมความพร้อม เพื่อป้องกันและควบคุมสถานการณ์

เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2563 นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย(มท.2) ลงพื้นที่ตรวจความพร้อมสำหรับการเปิดเมืองและสถานที่ท่องเที่ยวทางทะเลในจังหวัดกระบี่ โดยมีรองผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ หัวอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องรายงานข้อมูลความพร้อมและสถานการณ์ในพื้นที่ ทั้งนี้ ตามคำสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019(โควิด-19) ที่ 6/2563 เรื่อง แนวปฏิบัติตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (ฉบับที่ 5) ลงวันที่ 30 มิถุนายน 2563 ได้กำหนดมาตรการป้องกันโรคเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด – 19 โดยกำหนดกิจการ/กิจกรรม มาตรการควบคุมหลัก มาตรการเสริม ที่ผ่อนคลายมากขึ้น เพื่อให้ประชาชนทั่วไปและนักท่องเที่ยวสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติมากขึ้น นั้น ในส่วนของสถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดกระบี่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพื้นที่ท่องเที่ยวทางทะเล เช่น อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี เกาะลันคา เป็นสถานที่ที่ได้รับความนิยมของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ ซึ่งอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี ได้มีการเตรียมความพร้อมเพื่อการท่องเที่ยววิถีใหม่ โดยกำหนดมาตรการต่าง ๆ เพื่อรองรับนักท่องเที่ยว เช่น การท่องเที่ยวผ่านการลงทะเบียนจองสิทธิ์ การโหลดแอพลิเคชั่นคิวคิว(QueQ) การจำกัดนักท่องเที่ยวลง 50 % เพื่อการตรวจสอบดูแลได้ทั่วถึง เป็นต้น รวมทั้งความพร้อมเพื่อการช่วยเหลือนักท่องเที่ยวหากเกิดกรณีฉุกเฉิน นอกจากนี้ องค์การจัดการน้ำเสีย(อจน.)รัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวงมหาดไทย ภายใต้การกำกับของนายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มท. นั้น ได้อนุมัติงบประมาณเพื่อการจัดทำระบบบำบัดน้ำเสียบนเกาะพีพี เพื่อรักษาสภาพระบบนิเวศบนเกาะ รองรับนักท่องเที่ยวที่มีจำนวนมากในแต่ละปี พร้อมทั้ง ยังได้ให้มีการศึกษา ออกแบบ ระบบบำบัดน้ำเสียในพื้นที่อ่าวนาง อำเภอเมืองกระบี่ เพื่อการรักษาสภาพแวดล้อม อีกด้วย นิพนธ์ รมช.มท. กล่าวว่า ” การเปิดพื้นที่ต่างๆขณะนี้ดำเนินไปเกือบครอบคลุมทั้งประเทศแล้ว อย่างไรก็ตาม ยังมีบางกิจกรรม ที่ยังคงจำเป็นที่จะต้องชะลอไว้ก่อนเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่า 2019(COVID-19) ระลอกใหม่ที่อาจจะเกิดขึ้นได้ สำหรับการผ่อนปรนมาตรการระยะที่5 ตามที่ได้มีประกาศมีผลตั้งแต่ 1 ก.ค. ที่ผ่านมานั้น การปฏิบัติตามมาตรการในข้อควรระวังอย่างเคร่งครัดยังเป็นสิ่งจำเป็นโดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ชายหาดและเกาะต่างๆ ของจังหวัดกระบี่เป็นที่ทราบกันดีว่านักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาตินิยมท่องเที่ยว เป็นที่รวมกันของกลุ่มคน เช่น การนั่งรถ เรือ เพื่อสัญจร การเล่นน้ำ การใช้ที่พัก เป็นต้น จึงทำให้มีความเสี่ยงสูงกว่าพื้นที่อื่นๆ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ ยังต้องคำนึงและระมัดระวังอย่างมาก การ์ดต้องไม่ตก เพื่อไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดซ้ำอีก นายนิพนธ์ ยังกล่าวอีกว่า ” การเปิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจต่างๆ รวมถึง การเปิดพื้นที่ต่างๆ ก็ยังเป็นเรื่องจำเป็น เพราะ ผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 นั้นส่งผลกระทบอย่างรุนแรงให้แก่ภาคธุรกิจ ซึ่งรัฐบาลก็เองตระหนักถึงปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างเข้าใจและพร้อมพิจารณาแนวทางผ่อนปรนการดำเนินกิจกรรมต่างๆที่ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม ได้ยื่นเสนอมาในส่วนของกระทรวงมหาดไทยเอง ตนได้กำชับการปฏิบัติไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดต่างๆ รวมถึงนายอำเภอ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ให้มีความพร้อมใน 2 เรื่อง คือ การดูแลความปลอดภัยในพื้นที่ที่เปิดและผ่อนคลายให้ทำกิจกรรมไปแล้ว และดูแลในกิจกรรมใดที่มีหากมีการเรียกร้องและมีความพร้อม มีการเตรียมการเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดฯได้ ให้เข้าช่วยเหลือและรายงานข้อเรียกร้องมายัง ศบค.ของกระทรวงมหาดไทย เพื่อเสนอเรื่องไปยังคำสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 ต่อไป