องค์การจัดการน้ำเสีย กระทรวงมหาดไทย
WMA News
อัพเดทล่าสุด

วันที่ 20 ธันวาคม 2567 สำนักงานจัดการน้ำเสียสาขานนทบุรี ให้การต้อนรับ All-China Environment Federation (ACEF) จากสาธารณรัฐประชาชนจีน ที่เข้าศึกษาดูงานระบบบำบัดน้ำเสีย ณ ศูนย์บริหารจัดการคุณภาพน้ำ อบต.ลำโพ จังหวัดนนทบุรี

วันที่ 20 ธันวาคม 2567 องค์การจัดการน้ำเสีย โดยสำนักงานจัดการน้ำเสียสาขานนทบุรี ให้การต้อนรับ All-China Environment Federation (ACEF) จากสาธารณรัฐประชาชนจีน ที่เข้าศึกษาดูงานระบบบำบัดน้ำเสีย ณ ศูนย์บริหารจัดการคุณภาพน้ำ อบต.ลำโพ จังหวัดนนทบุรี

อ่านรายละเอียด

นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (มท.2) ชื่นชม ท้องถิ่นที่ดูแลทุกข์สุขประชาชนและร่วมแก้ไขปัญหา COVID-19 แนะ ปรับตัวให้ก้าวทันเทคโนโลยี พร้อมฝาก ให้รักษาชีวิตลดการตายบนท้องถนน

นิพนธ์ฯ ชื่นชม ท้องถิ่นที่ดูแลทุกข์สุขประชาชนและร่วมแก้ไขปัญหา COVID-19 แนะ ปรับตัวให้ก้าวทันเทคโนโลยี พร้อมฝาก ให้รักษาชีวิตลดการตายบนท้องถนน เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 11 ธันวาคม 2563 ที่โรงแรมอังสนา ลากูน่า ภูเก็ต  นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการประชุมและการสัมมนาทางวิชาการสมาคมสันนิบาตเทศบาลแห่งประเทศไทยครั้งที่ 3 ประจำปี 2563 โดยมี นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย นายณรงค์ วุ่นซิ้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต นางสาวสมใจสุวรรณ ศุภพนา นายกสมาคมสันนิบาตแห่งประเทศไทย พร้อมด้วยนายกเทศมนตรี ประธานสภาเทศบาล ปลัดเทศบาล และบุคลากรของเทศบาล จำนวนกว่า 3,500 คนเข้าร่วมการประชุม นายนิพนธ์ กล่าวว่า “องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น คือหน่วยงานปกครองที่อยู่ใกล้ชิดกับประชาชนสามารถตอบสนองความต้องการของประชาชนในท้องถิ่นได้มากที่สุด เทศบาลจึงมีหน้าที่ดูแลทุกข์สุขของพี่น้องประชาชน ซึ่งกระทรวงมหาดไทยถือว่า กลไกท้องถิ่นจึงมีความสำคัญต่อการพัฒนาประเทศทุกด้าน หากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสามารถปกครองตนเองมีความคล่องตัวในการบริหารจัดการ ก็ย่อมทำให้ประเทศเจริญก้าวหน้าได้อย่างรวดเร็ว และสามารถแก้ปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนได้ทันกับสถานการณ์ ทั้งจากสถานการณ์ที่เกิดจากภัยพิบัติ ปัญหาในด้านสาธารณสุข กระทรวงมหาดไทยได้ให้ความสำคัญทางกลไกของท้องถิ่นและท้องที่ในการบำบัดทุกข์บำรุงสุขให้กับพี่น้องประชาชนและสนับสนุนภารกิจต่างๆของท้องถิ่นเพื่อนำไปสู่การแก้ไข พร้อมยกระดับการปกครองท้องถิ่นรองรับการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมต่างๆให้ทันกับเทคโนโลยีต่างๆ ที่เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของพี่น้องประชาชนมากขึ้น ซึ่งเชื่อว่าวิถีชีวิตของประชาชนในชุมชนในอนาคตจะมีการเปลี่ยนแปลงไป จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 โลกในอนาคตจะเป็นเรื่องของเทคโนโลยีมากขึ้น ทำอย่างไรให้ชุมชนมีการปรับตัวให้ทันต่อเทคโนโลยีที่จะมีการเปลี่ยนแปลงไป และสามารถสร้างรายได้ให้กับครอบครัว ชุมชนในภายภาคหน้า ท้องถิ่นต้องให้ความรู้ชุมชน เพื่อสร้างความรู้และพัฒนาทักษะด้าน e-Commerce ในยุคเทคโนโลยีดิจิทัล ที่จะนำไปสู่การเพิ่มโอกาสในการแข่งขันด้านการตลาดเป็นการเพิ่มช่องทางสร้างอาชีพและเพิ่มรายได้ให้แก่ชุมชน” นายนิพนธ์ กล่าวอีกว่า “ใกล้ช่วงเทศกาลปีใหม่ 2564 นี้จึงขอฝากเรื่องรักษาชีวิตสร้างความปลอดภัยเพื่อลดการตายบนท้องถนนทุกคนต้องช่วยกันดูแล แม้ว่าตัวเลขยอดผู้เสียชีวิตจะลดลงจาก 22,000 ราย/ปี เหลือ 15,000 ราย/ปี ซึ่งถือว่าตัวเลขยังสูงอยู่เมื่อเปรียบเทียบการสูญเสียชีวิตจากเหตุการณ์ต่างๆ ขอโอกาสนี้เชิญชวนพี่น้องทุกท่านได้ตระหนักถึงการใช้รถใช้ถนนโดยเฉพาะอย่างยิ่งรถจักรยานยนต์ ที่เป็นสาเหตุการเสียชีวิตบนท้องถนนมากที่สุด โดยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น(อปท.) บูรณาการทุกหน่วยงานร่วมมือกันและถอดบทเรียนความสำเร็จจากการแก้ไขปัญหาโควิด-19 มาใช้ในการแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุทางถนนในช่วง 7 วันอันตราย รวมถึงแนวทางการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า2019(COVID-19)”

อ่านรายละเอียด

นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงหมาดไทย (มท.2) ลงพื้นที่ นราธิวาสเตรียมแผนรับมืออุทกภัย-ภัยแล้ง-ไฟป่าพรุ พร้อม กำชับ เร่งรัดเดินสำรวจออกโฉนดฯ

นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงหมาดไทย (มท.2)  ลงพื้นที่ นราธิวาสเตรียมแผนรับมืออุทกภัย-ภัยแล้ง-ไฟป่าพรุ พร้อม กำชับ เร่งรัดเดินสำรวจออกโฉนดฯ และแก้ไขปัญหาที่ดินของรัฐทับซ้อนที่ดินประชาชน พร้อม ผลักดันการก่อสร้างรั้วตามแนวชายแดนไทย-มาเลย์เต็มพื้นที่   เมื่อเวลา 14.00 น. วันนี้ (11ก.ย.63) นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (มท.2) และคณะ เดินทางมาตรวจเยี่ยมติดตามความพร้อม แผนบริหารจัดการสาธารณภัยในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส ด้านอุทกภัย ภัยแล้ง และไฟป่า รวมถึงการติดตามการแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัย และที่ดินทำกินของราษฎร ในพื้นที่ตำบลสุไหงปาดีทับซ้อนที่ดินของรัฐ ณ ห้องประชุมชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดนราธิวาส โดยมี นายเอกรัฐ หลีเส็น ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง รวมถึงกำนัน ผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ตำบลสุไหงปาดี เข้าร่วมประชุมและรายงานผลการปฏิบัติงาน โดย รมช.มท. ได้มอบนโยบายในเรื่องการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย ภัยแล้ง และไฟป่า ว่า “รัฐบาลได้ให้ความสำคัญในการเตรียมความพร้อมรับมือป้องกันเผชิญเหตุ และให้ความช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัยอย่างเป็นระบบ และมีประสิทธิภาพโดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้บูรณาการร่วมกับทุกภาคส่วน ทั้งด้านหน่วยปฏิบัติการ และเครื่องจักรกลสาธารณภัยในพื้นที่ ทั้งในส่วนของด้านกำลังพล เครื่องจักรกล งานระบบสื่อสารเพื่อให้มีความพร้อมรองรับสถานการณ์อุทกภัย ภัยแล้ง ไฟป่าที่อาจเกิดขึ้น ตั้งแต่ให้มีการทบทวนและปรับปรุงแผนที่อุทกภัยของจังหวัดให้สอดคล้องกับอุทกภัยสถานการณ์ปัจจุบัน โดยหน่วยงานต่างๆต้องตรวจสอบและเตรียมความพร้อม วัสดุอุปกรณ์ เครื่องจักรกลสาธารณภัย เครื่องมือสื่อสาร เครื่องมือแจ้งเตือนภัย ให้มีความพร้อมใช้งาน และต้องมีการกำหนดพื้นที่ปลอดภัย เส้นทางอพยพชั่วคราว ศูนย์พักพิงชั่วคราว ตลอดจนการซักซ้อมความเข้าใจของเจ้าหน้าที่ และประชาชน ถึงแนวทางปฏิบัติ เพื่อลดความสับสน รวมถึงเร่งทำการขุดลอกท่อระบายน้ำ กำจัดวัชพืช สิ่งกีดขวางทางน้ำ ให้สามารถรองรับน้ำ และระบายได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมเปิดช่องทางแจ้งเตือนให้ประชาชนทราบทางสื่อต่างๆ ทั้งของชุมชน หอกระจายข่าวประจำหมู่บ้าน เพื่อให้ประชาชนเข้าใจ ถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาของภาครัฐอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น การเตรียมความพร้อม จึงเป็นกลไกที่สำคัญ ที่จะทำให้การปฏิบัติการเผชิญเหตุ และช่วยเหลือผู้ประสบภัยเป็นไปอย่างรวดเร็ว ทันต่อเหตุการณ์ และมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะสามารถลดความสูญเสีย ทั้งชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนได้ รวมถึงความสำคัญกับการแจ้งเตือนภัยอย่างเป็นระบบ รวดเร็ว และเข้าถึงประชาชนได้ตรงจุด การสร้างเครือข่ายประชาสังคม อาสาสมัคร กู้ภัยในพื้นที่ ทั้งนี้การเตรียมความพร้อมจึงถือเป็นกลไกสำคัญในการบูรณาการ จัดการในภาวะฉุกเฉินตามแผนที่กำหนด รวมถึงการซักซ้อมแผนให้พร้อมดูแลประชาชน และสามารถบริหารจัดการสถานการณ์อุทกภัย ภัยแล้ง และไฟป่าที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างเป็นระบบ” ทั้งนี้ นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงหมาดไทย (มท.2) ยังได้ฝากในเรื่องของความปลอดภัยบนท้องถนน ว่า “ตั้งแต่ต้นปีจนถึงวันนี้การเสียชีวิตบนท้องถนน มีจำนวนประมาณหมื่นกว่ารายแล้ว ฉะนั้นจึงถือเป็นภัยที่คุกคาม ทั้งชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนคนไทย ดังนั้นเรื่องการลดอุบัติเหตุบนท้องถนน ยังคงเป็นภารกิจที่ต้องขอความร่วมมือที่ทุกหน่วยงานต้องร่วมกันขับเคลื่อนโครงการเสริมสร้างประสิทธิภาพ การป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนในระดับพื้นที่ ให้เกิดผลเป็นรูปธรรม โดยความร่วมมือระหว่างท้องที่ และ ท้องถิ่นร่วมกับภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วน ดำเนินการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนในพื้นที่อย่างจริงจัง โดยการดำเนินการบังคับใช้กฎหมาย อย่างเข้มงวดตลอดทั้งปี และให้หน่วยงานที่รับผิดชอบให้ความสำคัญ กับการออกแบบการแก้ปัญหาจุดเสี่ยง จุดอันตราย ในถนนที่รับผิดชอบ ให้มีความปลอดภัย และกำหนดให้มีการประชุม ศปถ.จังหวัด ศปถ.อำเภอ และศปถ.อปท. เป็นประจำทุกเดือน นอกจากนี้ นายนิพนธ์ บุญญามณีรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงหมาดไทย (มท.2) ยังได้ติดตามในเรื่องโครงการก่อสร้างเขื่อนกั้นแม่น้ำโกลกในระยะที่ 1 ซึ่งก้าวหน้าไป 80 เปอร์เซ็นต์แล้วส่วนระยะที่ 2 ก็จะดำเนินการต่อจากระยะที่ 1 ต่อไป และยังได้รับทราบความประสงค์ของหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาสในเรื่องแนวรั้วชายแดนกับด่านพรมแดน ที่ติดกับประเทศเพื่อนบ้าน ว่าความประสงค์ที่จะให้ดำเนินการต่อเนื่องไปถึงพื้นที่อำเภอตากใบ ซึ่งคิดว่าจะเป็นประโยชน์มากขึ้น สำหรับการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยแล้งและแก้ไขปัญหาไฟป่าพรุนั้น ก็ทราบว่าทั้งชลประทานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้มีแผนงานที่ชัดเจน ในส่วนของเรื่องปัญหาที่ดิน การออกเอกสารสิทธิ์ในที่ดินให้กับพี่น้องประชาชน ซึ่งเรื่องนี้ก็ถือว่ามีความสำคัญอย่างยิ่ง และเป็นนโยบายของรัฐบาลในการที่จะมาดูแล แก้ปัญหาในเรื่องของการถือครองกรรมสิทธิ์ในที่ดินที่มีปัญหาทับซ้อนระหว่างที่ดินของรัฐ กับที่ดินของประชาชน วันนี้ก็ได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปกำหนดแนวเขตระหว่างที่ดินของรัฐไม่ว่าจะเป็นที่ดินป่าไม้ หรือป่าพรุ ที่ดินเขตห้ามล่าทั้งหลายทั้งปวง กับที่ดินของประชาชน ที่ดินใดมีข้อพิพาทอยู่แล้วและไม่ใช่ที่ดินของรัฐ ผมในฐานะที่ดูแลกรมที่ดิน ก็มีความประสงค์จะเร่งรัดที่จะออกเอกสารสิทธิ์ให้ประชาชน อันนี้ก็ยังเดินหน้าต่อ เมื่อเราทราบแนวเขตแล้วก็จะส่งเจ้าหน้าที่มาออกสำรวจรังวัด ออกเอกสารสิทธิ์ให้กับพี่น้องประชาชน ในส่วนของที่ดินของรัฐซึ่งประชาชนไม่สามารถพิสูจน์สิทธิ์ได้ว่าถือการครอบครองมาก่อน ก็จะต้องนำไปสู่กระบวนการที่นำไปสู่ คทช.ที่เรียกว่าเป็นกฎหมายที่เป็นเครื่องมือของรัฐบาลออกมาใหม่เป็นเครื่องมือในการดูแลจัดการเรื่องที่ดินทำอย่างไรจะให้พี่น้องประชาชนแม้จะไม่มีกรรมสิทธิ์ในที่ดินมาก่อนก็ถือว่าพี่น้องในชุมชนนั้น หรือว่าในนามองค์กรนั้นๆ เขาสามารถเข้าไปทำประโยชน์ได้ จะเป็นการเช่าก็ดีหรือจะเป็นตามข้อตกลงกัน แต่เขาจะไม่อยู่ในฐานะผู้บุกรุก นี่คือสิ่งที่แสดงความประสงค์ และให้มีความชัดเจนในการแก้ปัญหาในเรื่องที่ดินให้กับพี่น้องประชาชน วันนี้ถือว่ามาทั้งเรื่องอุทกภัยและมาทั้งเรื่องของที่ดินรวมถึงขอความกรุณาผวจ.นราธิวาสให้เข้ามาช่วยดูแลเรื่องความปลอดภัยบนท้องถนนซึ่งถือว่ามีสถิติการเสียชีวิตที่สูงอยู่ อยากจะเห็นทุกฝ่ายได้ร่วมกันไม่ว่าจะเป็นกลไกของ ศูนย์ความปลอดภัยบนท้องถนนระดับจังหวัดศูนย์ความปลอดภัยบนท้องถนนอำเภอศูนย์ความปลอดภัยบนท้องถนนระดับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ต้องร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดในการที่จะดูแล เราประสบผลความสำเร็จในเรื่องของ covid-19 เพราะทุกฝ่ายบูรณาการกัน จึงอยากเห็นการบูรณาการแบบนี้ในทุกภารกิจของประเทศที่เป็นปัญหาอยู่ในขณะนี้อีกด้วย

อ่านรายละเอียด

นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (มท.2) สร้างฟุตบอล ประชาธิปัตย์ คัพ เพื่อพัฒนาและปลูกฝังระเบียบวินัย น้ำใจนักกีฬาสู่อนาคตที่ดีแก่เยาวชน 4 จังหวัด นราธิวาส ยะลา ปัตตานี และสงขลา

นิพนธ์ รองหัวหน้าพรรค ปชป. สร้างฟุตบอล “ประชาธิปัตย์ คัพ” เพื่อพัฒนาและปลูกฝังระเบียบวินัย น้ำใจนักกีฬาสู่อนาคตที่ดีแก่เยาวชน 4 จังหวัด นราธิวาส ยะลา ปัตตานี และสงขลา เมื่อเวลา 09.30 น.วันนี้(11 ก.ย.63) นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นประธานเปิดการแข่งขันฟุตบอลนักเรียน 7 คน ต้านภัยยาเสพติด ประชาธิปัตย์คัพ ครั้งที่ 1 โดยมีรองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส นายกเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก หัวหน้าส่วนราชการ ตัวแทนจากสำนักงานสาขาพรรคประชาธิปัตย์ จังหวัดนราธิวาส ทั้ง 4 เขต พร้อมด้วยคณะกรรมการจัดการแข่งขัน ผู้ควบคุมทีม นักเตะเยาวชน และสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ทั้ง 4 เขตในจังหวัดนราธิวาส เข้าร่วมในพิธีเปิดกว่า 500 คน ทั้งนี้ทางสำนักงานสาขาพรรคประชาธิปัตย์จังหวัดนราธิวาส ทั้ง 4 เขต ได้มีการปรึกษาหารือที่จะส่งเสริมให้เยาวชนมาสนใจออกกำลังกาย และเป็นการประชาสัมพันธ์พรรคประชาธิปัตย์ให้เป็นที่ รู้จักอย่างแพร่หลาย จึงได้มีมติเห็นชอบให้จัดการแข่งขันฟุตบอลนักเรียน 7 คน ต้านภัยยาเสพติด ประชาธิปัตย์คัพ ครั้งที่ 1 ขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อเป็นการส่งเสริมให้เยาวชนห่างไกลจากยาเสพติด และมุ่งมั่นในการออกกำลังกาย ซึ่งจะเป็นการดึงเยาวชนให้เข้ามาอยู่ในสังคมที่ดีได้รู้จักความรัก ความสามัคคีในหมู่คณะ และก่อให้เกิดความสมบูรณ์ของ ร่างกาย อีกทั้งเป็นการสร้างระเบียบวินัยให้กับเยาวชน ให้รู้จักกฎกติกาในการเล่นกีฬา รู้จักแพ้ รู้จักชนะ และรู้จักให้อภัย และเป็นการสนับสนุนให้ยาวชน สามารถก้าวไปสู่การเป็นนักกีฬาฟุตบอลระดับจังหวัด และระดับชาติต่อไป ทั้งเพื่อให้ประชาชนได้เข้าใจ เข้าถึงบทบาทของพรรคประชาธิปัตย์ที่มีต่อสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อนักเรียน นักศึกษาและเยาวชน ในการแข่งขันมีนักเรียนเข้าร่วมแข่งขัน ประเภททีม อายุไม่เกิน 12 ปี จำนวน 4 ทีมและอายุไม่เกิน 15 ปี จำนวน 53 ทีม ทำการแข่งขันเป็นเวลา 2 วัน ซึ่งในวันที่ 12 เป็นการแข่งขันของนักเรียนอายุไม่เกิน 12 ปี และวันที่ 13 จะเป็นการแข่งขันของนักเรียนอายุไม่เกิน 15 ปี นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย และรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า” ต้องขอขอบคุณ ตัวแทนสาขาพรรคประชาธิปัตย์ ทั้ง 4 เขต ที่จัดการแข่งขันฟุตบอลนักเรียน 7 คน ต้านภัยยาเสพติด ประชาธิปัตย์คัพ ครั้งที่ 1 ขึ้นในวันนี้ ซึ่งนับเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการพัฒนาเยาวชน เพื่อส่งเสริมเยาวชน ให้ใข้เวลาว่างให้เป็นประโยขน์ นับเป็นการพัฒนา และฝึกทักษะในการเล่นกีฬาฟุตบอล ซึ่งการทำให้เยาวชนมีวินัยในการเล่นกีฬาจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพราะกีฬาจะมีในเรื่องของ กฏ กติกา และกีฬายังสอนให้เรารู้แพ้ รู้ชนะ และรู้อภัย เป็นการแสดงออกถึงความสามารถของตัวนักกีฬา เพื่อความหวังของชัยชนะ แต่ต้องอยู่ภายใต้กฏ กติกา และไม่ทิ้งคำว่า มิตรภาพ ซึ่งเยาวชนที่เข้าร่วมการแข่งขันในวันนี้มาจากหลายจังหวัดทางภาคใต้ จึงชี้ให้เห็นว่า เยาวชนที่เข้าร่วมการแข่งขันวันนี้ ทุกคนสนใจในด้านกีฬา และสำหรับผู้ที่พลาดหวังในวันนี้ ก็อย่าเสียใจ และเอาประสบการณ์ในวันนี้นำไปแก้ไข และพัฒนาเพื่อโอกาสต่อไป ในส่วนทีมที่ได้รับชัยชนะ ก็ขอให้หมั่นฝึกซ้อมต่อไป เพื่อรักษาแชมป์ให้ได้ วันนี้จึงถือเป็นการแข่งขันเริ่มต้นของจังหวัดนราธิวาส ซึ่งถือว่าทุกคนต่างมาหาทักษะ และประสบการณ์ เพื่อที่วันข้างหน้าจะพัฒนาก้าวไปสู่ในระดับอาชีพ เป็นการเก็บเกี่ยวประสบการณ์ที่ดี ดังนั้นจึงขอให้ตั้งใจเล่น และฝึกซ้อมในการแข่งขัน เพื่อพัฒนาทักษะการเล่นกีฬาของตนเอง และร่วมกันพัฒนากีฬาฟุตบอลต่อไปในอนาคต”

อ่านรายละเอียด

นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย(มท.2) ขับเคลื่อน เปลี่ยนน้ำเสีย คืนน้ำใส ให้สงขลา กระตุ้นจิตสำนึกชุมชน พร้อมปลูกฝังเยาวชน ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม โดยใช้กีฬาสร้างการมีร่วมจากทุกภาคส่วน

นิพนธ์ ขับเคลื่อน “เปลี่ยนน้ำเสีย คืนน้ำใส ให้สงขลา” กระตุ้นจิตสำนึกชุมชน พร้อมปลูกฝังเยาวชน ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม โดยใช้กีฬาสร้างการมีร่วมจากทุกภาคส่วน วันนี้ 27 กันยายน 2563 นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย(มท.2) เป็นประธานในพิธีเปิด การจัดกิจกรรมความร่วมมือ ด้านการจัดการน้ำเสีย “เปลี่ยนน้ำเสีย คืนน้ำใส ให้สงขลา”  ณ สนามกีฬาติณสูลานนท์ อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา โดยมีนายจารุวัฒน์ เกลี้ยงเกลา ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา  นายประพันธ์ ศรีสุวรรณ ปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา ปฏิบัติหน้าที่นายกอบจ.สงขลา  นายชีระ วงศ์บูรณะ ผู้อำนวยการองค์การจัดการน้ำเสีย และผู้บริหาร คณะผู้จัดงาน และประชาชนร่วมในพิธีเปิดกิจกรรมด้านการจัดการน้ำเสีย “เปลี่ยนน้ำเสีย คืนน้ำใส ให้สงขลา” ทั้งนี้เทศบาลนครสงขลาและองค์การจัดการน้ำเสีย ร่วมกันจัดกิจกรรมความร่วมมือด้านการจัดการน้ำเสีย “เปลี่ยนน้ำเสีย คือน้ำใส ให้สงขลา” โดยมุ่งเน้นให้ความสำคัญในการเสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจ กับผู้นำชุมชนและประชาชน ในการป้องกันแก้ไขปัญหาน้ำเสีย และการสร้างความตระหนักรู้ในการช่วยกันลดความสกปรกของน้ำเสีย จากแหล่งกำเนิด การร่วมกันรักษาสิ่งแวดล้อม เพื่อให้การจัดการน้ำเสียในพื้นที่เทศบาลนครสงขลาเป็นไปอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจากวิสัยทัศน์การพัฒนาของจังหวัดสงขลา ที่กำหนดไว้ว่า “สงขลาศูนย์กลางเศรษฐกิจภาคใต้ ประชาชนมีคุณภาพสิ่งแวดล้อมยั่งยืน” ซึ่งความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อมนั้น จังหวัดสงขลาประสบความสำเร็จในการพัฒนาด้านโครงสร้างพื้นฐาน การบริการจัดการน้ำและขยะ แต่ยังคงมีประเด็นท้าทายหลายประเด็นที่รอการพัฒนาสู่ความยั่งยืน เช่นการแก้ปัญหาคุณภาพน้ำ โดยเฉพาะการจัดการน้ำเสีย จึงจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำไปสู่การควบคุม กำกับ ดูแลคุณลักษณะของน้ำเสียจากแหล่งกำเนิด ก่อนที่จะถูกรวบรวมเข้าสู่ระบบบำบัดน้ำเสีย และการปรับตัวคุณภาพน้ำที่ผ่านการบำบัดแล้ว ให้สามารถนำกลับมาใช้ประโยชน์ได้ ที่สำคัญคือประชาชนต้องมีความรู้ ความเข้าใจ ให้ความร่วมมือ โดยช่วยกันลดความสกปรกของน้ำเสียได้อย่างต่อเนื่อง มีประสิทธิภาพและยั่งยืน กระทรวงมหาดไทยได้กำหนดให้การจัดการน้ำเสียชุมชน เป็นภารกิจสำคัญตามนโยบายรัฐบาล  โดยมีเป้าหมายบำบัดน้ำเสียจากชุมชนให้มีคุณภาพตามเกณฑ์มาตรฐานน้ำทิ้งชุมชน ก่อนปล่อยลงสู่แหล่งน้ำสาธารณะ และได้มอบหมายให้องค์การจัดการน้ำเสีย(อจน.) ซึ่งโอนย้ายกิจการมาอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงมหาดไทย และมีอำนาจหน้าที่ในการจัดให้มีระบบบำบัดน้ำเสียรวม และให้บริการ และบริหารหรือจัดการระบบบำบัดน้ำเสีย ประกอบกับรัฐบาลได้มีนโยบายที่ให้ความสำคัญกับการบูรณาการในระดับพื้นที่ โดยให้กระทรวงมหาดไทยเป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อนภารกิจสำคัญด้านการแก้ไขปัญหาน้ำเสีย องค์การจัดการน้ำเสีย(อจน.) จึงได้จัดกิจกรรมความร่วมมือด้านการจัดการน้ำเสียขึ้น เพื่อสร้างความรู้ ความเข้าใจกับประชาชน รวมถึงการมีส่วนร่วมของประชาชน ในการป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำเสีย โดยสร้างสัมพันธ์ที่ดีกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยการจัดนิทรรศการด้านการจัดการน้ำเสีย การออกบูธสินค้าชุมชน หรือบูธจากหน่วยงานต่างๆ เพื่อการเสริมสร้างการมีส่วนร่วมของเยาวชน การเปิดคลีนิคฟุตบอลโดย อดีตนักฟุตบอลทีมชาติไทย “ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน” และการแข่งขันฟุตบอลนัดพิเศษ ระหว่างทีมดารา  Star Rider นำโดย เกรท วรินทร กับทีมอดีตนักฟุตบอลทีมชาติไทย นำโดยปิยะพงษ์ ผิวอ่อน นายนิพนธ์ รมช.มท.กล่าวว่า”องค์การจัดการน้ำเสีย ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจสังกัดกระทรวงมหาดไทย มีภารกิจหลักที่สำคัญคือ มาดูแลในเรื่องทำอย่างไรให้น้ำเสียอยู่คู่กับชุมชนได้ ปัจจุบันสิ่งแวดล้อมในชุมชนนับว่ามีความสำคัญยิ่ง ถ้าเราไม่ช่วยกันดูแลและรักษา ชุมชนนั้นก็ไม่น่าอยู่ ดังนั้นถ้าจะทำให้ชุมชนน่าอยู่ สิ่งแวดล้อมจึงเป็นสิ่งสำคัญ และนี่เป็นส่วนหนึ่งของการดูแลในเรื่องสิ่งแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องขยะ เรื่องน้ำเสีย เรื่องภาวะต่างๆ ซึ่งถ้าเราจะทำเรื่องน้ำเสียวันนี้ เราต้องเริ่มที่เยาวชนเหมือนกับที่เราบอกว่า “ไม้แก่ดัดยาก ไม้อ่อนดัดง่าย” ฉะนั้นวันนี้การปลูกจิตสำนึกจึงเริ่มที่เยาวชน น่าจะเป็นสิ่งที่จะทำให้การจัดการน้ำเสียในวันข้างหน้ามีประสิทธิภาพมากขึ้น ดังนั้นเราจึงเอาในเรื่องของการกีฬามาจุดประกายให้เยาวชนหันมาสนใจในเรื่องของการทำน้ำเสีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกีฬาฟุตบอล จึงได้ร่วมกับคุณปิยะพงษ์ ผิวอ่อนอดีตนักฟุตบอลทีมชาติไทยและยังเป็นไอดอลของเยาวชนทั้งหมด วันนี้จึงเป็นที่มาที่โครงการจัดการน้ำเสีย ได้ร่วมกับคุณปิยะพงษ์ ผิวอ่อนนำนักฟุตบอลทีมชาติมาเปิดคลินิกสอนฟุตบอลให้กับเยาวชน และในขณะที่เราสอนในเรื่องของกีฬาฟุตบอล เราก็สอนในเรื่องของการดูแลสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะในเรื่องของการจัดการน้ำเสียในชุมชน กิจกรรมวันนี้นอกจากได้ความรู้ในเรื่องกีฬาฟุตบอลแล้ว เรายังได้สร้างจิตสำนึกที่ดีว่า เยาวชนวันข้างหน้าต้องเป็นทูตให้กับองค์การจัดการน้ำเสียในชุมชนนั้นๆ เป็นตัวแทนองค์การจัดการน้ำเสีย ที่จะไปบอกต่อผู้ปกครอง หรือญาติว่าต่อไปนี้ เวลาจะทิ้งอะไรลงในแม่น้ำลำคลองต้องคิดให้มาก ต้องช่วยกันดูแลแม่น้ำลำคลองก่อนที่จะปล่อยทิ้งน้ำลงในแม่น้ำ ลำคลอง โดยเฉพาะต้องมีการติดตั้งเครื่องดักไขมัน ก่อนที่จะปล่อยทิ้งน้ำลงในแม่น้ำ ลำคลองรวมถึงการไม่ทิ้งขยะลงในแม่น้ำ ลำคลองเพราะบางพื้นที่ยังสามารถนำน้ำในแม่น้ำ ลำคลองนำกลับมาใช้ในการอุปโภคบริโภคต่อได้อีก ดังนั้นถ้ามีการรักษาสิ่งแวดล้อมที่ดี ก็เท่ากับว่าเราสามารถรักษาแหล่งน้ำที่ดีให้แก่ชุมชนด้วย จึงอยากให้เห็นว่าเยาวชน เป็นบุคคลสำคัญในการดูแลสิ่งแวดล้อมในวันข้างหน้า” “ดังนั้นองค์การจัดการน้ำเสีย เป็นตัวอย่างของการให้ความสำคัญในการเสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจในการป้องกันแก้ไขปัญหาน้ำเสีย รวมถึงการสร้างความตระหนักในการช่วยกันลดความสกปรกของน้ำเสียจากแหล่งกำเนิด การร่วมกันรักษาสิ่งแวดล้อม มีความสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล ที่ให้ความสำคัญกับการบูรณาการในพื้นที่ โดยให้กระทรวงมหาดไทยเป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อนภารกิจสำคัญ ด้านการแก้ไขปัญหาน้ำเสีย” นายนิพนธ์กล่าว

อ่านรายละเอียด

นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นำการประปานครหลวง ลงพื้นที่ พระโขนง จัดกิจกรรม ลดปล่อยน้ำเสียลงคู คลองสาธารณะ-เติมน้ำหมักจุลินทรีย์ (EM) เฉลิมพระเกียรติฯ เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาฯ

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 30 กรกฎาคม 2563 ที่ลานอเนกประสงค์ วัดราษฎร์ศรัทธาธรรม เขตพระโขนง กรุงเทพมหานคร นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (มท.2) เป็นประธานเปิดโครงการรวมใจรักษ์น้ำปี 2563 กิจกรรม “กปน. รวมใจ ให้ความรู้ ฟื้นฟูคลอง” เพื่อเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม 2563 พร้อมด้วยนายสุทธิ ปัญญาสกุลวงศ์ ที่ปรึกษารมช.มหาดไทย นายอรัญ วงศ์อนันต์ คณะที่ปรึกษารมช.มท. และคณะทำงาน โดยมีนายปริญญา ยมะสมิต ผู้ว่าการประปานครหลวง นายเรืองเดช พงษ์จันทรโอ ผู้อำนวยการเขตพระโขนง และ ผู้อำนวยการโรงเรียนมูลนิธิวัดราษฎร์ศรัทธาธรรมสงเคราะห์ เข้าร่วมกิจกรรม นายนิพนธ์ กล่าวว่า กิจกรรม “กปน. รวมใจ ให้ความรู้ ฟื้นฟูคลอง” จัดขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 68 พรรษา 28 กรกฎาคม 2563 ซึ่งการประปานครลวง(กปน.) รัฐวิสาหกิจของกระทรวงมหาดไทย ภายใต้การกำกับดูแลของ นายนิพนธ์ รมช.มท. มีภารกิจหลักในการผลิตน้ำประปาที่สะอาด คุณภาพดีให้บริการประชาชนในพื้นที่กรุงเทพมหานคร นนทบุรี และสมุทรปราการ โดยรับน้ำดิบจาก 2 แหล่ง คือ ลุ่มน้ำเจ้าพระยา และลุ่มน้ำแม่กลองเพื่อนำมาผลิตน้ำประปา ตามมาตรฐานองค์การอนามัยโลก (WHO) และนอกจากการผลิตน้ำประปาแล้วกปน.ยังให้ความสำคัญกับการจัดสรรทรัพยากรน้ำที่มีอยู่อย่างจำกัด ตลอดจนปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม โดยพบว่า คู คลองหลายแห่งประสบปัญหาการ ไหลเวียนของน้ำทำให้เกิดน้ำเน่าเสียส่งผลกับคุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชน โดยกิจกรรม “กปน. รวมใจ ให้ความรู้ ฟื้นฟูคลอง” จะเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาความสัมพันธ์ และความร่วมมือที่ดีระหว่างการประปานครหลวงกับประชาชน ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียด้วยหลักธรรมาภิบาลเกิดการมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหา ให้ความรู้ถึงเรื่องการอนุรักษ์แหล่งน้ำ และการไม่ปล่อยน้ำเสียลงคูคลองสาธารณะ รวมทั้งยังมีการเติมน้ำหมักจุลินทรีย์ (EM) ในคลองบ้านหลายเพื่อบำบัดปัญหากลิ่นเหม็นและน้ำเน่าเสียในคลองดังกล่าว ด้วย “ทั้งนี้ ขอความร่วมมือให้พี่น้องประชาชนตระหนักถึงความสำคัญของการใช้น้ำเพราะน้ำทุกหยดมีคุณค่า รวมถึงการดูแลสิ่งแวดล้อมในชุมชนช่วยกันดูแลรักษาแหล่งน้ำสาธารณะ ด้วยการบำบัดน้ำเสียในครัวเรือนก่อนที่จะปล่อยลงในแม่น้ำลำคลอง ร่วมกันสร้างวินัยในครัวเรือน และขยายไปสู่ชุมชนโดยร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และผู้นำชุมชน เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของพี่น้องประชาชน และเกิดจิตสำนึกในการอนุรักษ์ทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะทรัพยากรน้ำอย่างสัมฤทธิ์ผลและยั่งยืนต่อไป” นายนิพนธ์ กล่าว จากนั้นรมช. และคณะ ยังได้เยี่ยมชมนิทรรศการกิจกรรม “กปน. รวมใจ ให้ความรู้ ฟื้นฟูกลอง” พร้อมมอบข้าวสารและข้าวกล่องพร้อมน้ำดื่มให้กับประชาชนในชุมชนพื้นที่เขต

อ่านรายละเอียด

ตรวจเยี่ยมการดำเนินงานของสำนักงานจัดการน้ำเสียสาขาศรีราชา จังหวัดชลบุรี

เมื่อวันที่13 พค.63  ผู้อำนวยการจัดการน้ำเสีย พร้อมด้วยรองผู้อำนวยการปฎิบัติการ ผู้อำนวยฝ่ายจัดการน้ำเสีย2และผู้อำนวยการฝ่ายวิศวกรรมได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมการดำเนินงานของสำนักงานจัดการน้ำเสียสาขาศรีราชา จังหวัดชลบุรี ที่ดำเนินการปรับปรุงระบบฆ่าเชื้อโรค ให้มีความพร้อมและประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อโรคชนิดต่างๆ ให้น้ำที่ผ่านการบำบัดมีคุณภาพได้มาตรฐาน

อ่านรายละเอียด

นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (มท.2) ชื่นชม ท้องถิ่นที่ดูแลทุกข์สุขประชาชนและร่วมแก้ไขปัญหา COVID-19 แนะ ปรับตัวให้ก้าวทันเทคโนโลยี พร้อมฝาก ให้รักษาชีวิตลดการตายบนท้องถนน

นิพนธ์ฯ ชื่นชม ท้องถิ่นที่ดูแลทุกข์สุขประชาชนและร่วมแก้ไขปัญหา COVID-19 แนะ ปรับตัวให้ก้าวทันเทคโนโลยี พร้อมฝาก ให้รักษาชีวิตลดการตายบนท้องถนน เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 11 ธันวาคม 2563 ที่โรงแรมอังสนา ลากูน่า ภูเก็ต  นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการประชุมและการสัมมนาทางวิชาการสมาคมสันนิบาตเทศบาลแห่งประเทศไทยครั้งที่ 3 ประจำปี 2563 โดยมี นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย นายณรงค์ วุ่นซิ้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต นางสาวสมใจสุวรรณ ศุภพนา นายกสมาคมสันนิบาตแห่งประเทศไทย พร้อมด้วยนายกเทศมนตรี ประธานสภาเทศบาล ปลัดเทศบาล และบุคลากรของเทศบาล จำนวนกว่า 3,500 คนเข้าร่วมการประชุม นายนิพนธ์ กล่าวว่า “องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น คือหน่วยงานปกครองที่อยู่ใกล้ชิดกับประชาชนสามารถตอบสนองความต้องการของประชาชนในท้องถิ่นได้มากที่สุด เทศบาลจึงมีหน้าที่ดูแลทุกข์สุขของพี่น้องประชาชน ซึ่งกระทรวงมหาดไทยถือว่า กลไกท้องถิ่นจึงมีความสำคัญต่อการพัฒนาประเทศทุกด้าน หากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสามารถปกครองตนเองมีความคล่องตัวในการบริหารจัดการ ก็ย่อมทำให้ประเทศเจริญก้าวหน้าได้อย่างรวดเร็ว และสามารถแก้ปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนได้ทันกับสถานการณ์ ทั้งจากสถานการณ์ที่เกิดจากภัยพิบัติ ปัญหาในด้านสาธารณสุข กระทรวงมหาดไทยได้ให้ความสำคัญทางกลไกของท้องถิ่นและท้องที่ในการบำบัดทุกข์บำรุงสุขให้กับพี่น้องประชาชนและสนับสนุนภารกิจต่างๆของท้องถิ่นเพื่อนำไปสู่การแก้ไข พร้อมยกระดับการปกครองท้องถิ่นรองรับการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมต่างๆให้ทันกับเทคโนโลยีต่างๆ ที่เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของพี่น้องประชาชนมากขึ้น ซึ่งเชื่อว่าวิถีชีวิตของประชาชนในชุมชนในอนาคตจะมีการเปลี่ยนแปลงไป จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 โลกในอนาคตจะเป็นเรื่องของเทคโนโลยีมากขึ้น ทำอย่างไรให้ชุมชนมีการปรับตัวให้ทันต่อเทคโนโลยีที่จะมีการเปลี่ยนแปลงไป และสามารถสร้างรายได้ให้กับครอบครัว ชุมชนในภายภาคหน้า ท้องถิ่นต้องให้ความรู้ชุมชน เพื่อสร้างความรู้และพัฒนาทักษะด้าน e-Commerce ในยุคเทคโนโลยีดิจิทัล ที่จะนำไปสู่การเพิ่มโอกาสในการแข่งขันด้านการตลาดเป็นการเพิ่มช่องทางสร้างอาชีพและเพิ่มรายได้ให้แก่ชุมชน” นายนิพนธ์ กล่าวอีกว่า “ใกล้ช่วงเทศกาลปีใหม่ 2564 นี้จึงขอฝากเรื่องรักษาชีวิตสร้างความปลอดภัยเพื่อลดการตายบนท้องถนนทุกคนต้องช่วยกันดูแล แม้ว่าตัวเลขยอดผู้เสียชีวิตจะลดลงจาก 22,000 ราย/ปี เหลือ 15,000 ราย/ปี ซึ่งถือว่าตัวเลขยังสูงอยู่เมื่อเปรียบเทียบการสูญเสียชีวิตจากเหตุการณ์ต่างๆ ขอโอกาสนี้เชิญชวนพี่น้องทุกท่านได้ตระหนักถึงการใช้รถใช้ถนนโดยเฉพาะอย่างยิ่งรถจักรยานยนต์ ที่เป็นสาเหตุการเสียชีวิตบนท้องถนนมากที่สุด โดยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น(อปท.) บูรณาการทุกหน่วยงานร่วมมือกันและถอดบทเรียนความสำเร็จจากการแก้ไขปัญหาโควิด-19 มาใช้ในการแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุทางถนนในช่วง 7 วันอันตราย รวมถึงแนวทางการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า2019(COVID-19)”

อ่านรายละเอียด

นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงหมาดไทย (มท.2) ลงพื้นที่ นราธิวาสเตรียมแผนรับมืออุทกภัย-ภัยแล้ง-ไฟป่าพรุ พร้อม กำชับ เร่งรัดเดินสำรวจออกโฉนดฯ

นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงหมาดไทย (มท.2)  ลงพื้นที่ นราธิวาสเตรียมแผนรับมืออุทกภัย-ภัยแล้ง-ไฟป่าพรุ พร้อม กำชับ เร่งรัดเดินสำรวจออกโฉนดฯ และแก้ไขปัญหาที่ดินของรัฐทับซ้อนที่ดินประชาชน พร้อม ผลักดันการก่อสร้างรั้วตามแนวชายแดนไทย-มาเลย์เต็มพื้นที่   เมื่อเวลา 14.00 น. วันนี้ (11ก.ย.63) นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (มท.2) และคณะ เดินทางมาตรวจเยี่ยมติดตามความพร้อม แผนบริหารจัดการสาธารณภัยในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส ด้านอุทกภัย ภัยแล้ง และไฟป่า รวมถึงการติดตามการแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัย และที่ดินทำกินของราษฎร ในพื้นที่ตำบลสุไหงปาดีทับซ้อนที่ดินของรัฐ ณ ห้องประชุมชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดนราธิวาส โดยมี นายเอกรัฐ หลีเส็น ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง รวมถึงกำนัน ผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ตำบลสุไหงปาดี เข้าร่วมประชุมและรายงานผลการปฏิบัติงาน โดย รมช.มท. ได้มอบนโยบายในเรื่องการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย ภัยแล้ง และไฟป่า ว่า “รัฐบาลได้ให้ความสำคัญในการเตรียมความพร้อมรับมือป้องกันเผชิญเหตุ และให้ความช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัยอย่างเป็นระบบ และมีประสิทธิภาพโดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้บูรณาการร่วมกับทุกภาคส่วน ทั้งด้านหน่วยปฏิบัติการ และเครื่องจักรกลสาธารณภัยในพื้นที่ ทั้งในส่วนของด้านกำลังพล เครื่องจักรกล งานระบบสื่อสารเพื่อให้มีความพร้อมรองรับสถานการณ์อุทกภัย ภัยแล้ง ไฟป่าที่อาจเกิดขึ้น ตั้งแต่ให้มีการทบทวนและปรับปรุงแผนที่อุทกภัยของจังหวัดให้สอดคล้องกับอุทกภัยสถานการณ์ปัจจุบัน โดยหน่วยงานต่างๆต้องตรวจสอบและเตรียมความพร้อม วัสดุอุปกรณ์ เครื่องจักรกลสาธารณภัย เครื่องมือสื่อสาร เครื่องมือแจ้งเตือนภัย ให้มีความพร้อมใช้งาน และต้องมีการกำหนดพื้นที่ปลอดภัย เส้นทางอพยพชั่วคราว ศูนย์พักพิงชั่วคราว ตลอดจนการซักซ้อมความเข้าใจของเจ้าหน้าที่ และประชาชน ถึงแนวทางปฏิบัติ เพื่อลดความสับสน รวมถึงเร่งทำการขุดลอกท่อระบายน้ำ กำจัดวัชพืช สิ่งกีดขวางทางน้ำ ให้สามารถรองรับน้ำ และระบายได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมเปิดช่องทางแจ้งเตือนให้ประชาชนทราบทางสื่อต่างๆ ทั้งของชุมชน หอกระจายข่าวประจำหมู่บ้าน เพื่อให้ประชาชนเข้าใจ ถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาของภาครัฐอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น การเตรียมความพร้อม จึงเป็นกลไกที่สำคัญ ที่จะทำให้การปฏิบัติการเผชิญเหตุ และช่วยเหลือผู้ประสบภัยเป็นไปอย่างรวดเร็ว ทันต่อเหตุการณ์ และมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะสามารถลดความสูญเสีย ทั้งชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนได้ รวมถึงความสำคัญกับการแจ้งเตือนภัยอย่างเป็นระบบ รวดเร็ว และเข้าถึงประชาชนได้ตรงจุด การสร้างเครือข่ายประชาสังคม อาสาสมัคร กู้ภัยในพื้นที่ ทั้งนี้การเตรียมความพร้อมจึงถือเป็นกลไกสำคัญในการบูรณาการ จัดการในภาวะฉุกเฉินตามแผนที่กำหนด รวมถึงการซักซ้อมแผนให้พร้อมดูแลประชาชน และสามารถบริหารจัดการสถานการณ์อุทกภัย ภัยแล้ง และไฟป่าที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างเป็นระบบ” ทั้งนี้ นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงหมาดไทย (มท.2) ยังได้ฝากในเรื่องของความปลอดภัยบนท้องถนน ว่า “ตั้งแต่ต้นปีจนถึงวันนี้การเสียชีวิตบนท้องถนน มีจำนวนประมาณหมื่นกว่ารายแล้ว ฉะนั้นจึงถือเป็นภัยที่คุกคาม ทั้งชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนคนไทย ดังนั้นเรื่องการลดอุบัติเหตุบนท้องถนน ยังคงเป็นภารกิจที่ต้องขอความร่วมมือที่ทุกหน่วยงานต้องร่วมกันขับเคลื่อนโครงการเสริมสร้างประสิทธิภาพ การป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนในระดับพื้นที่ ให้เกิดผลเป็นรูปธรรม โดยความร่วมมือระหว่างท้องที่ และ ท้องถิ่นร่วมกับภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วน ดำเนินการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนในพื้นที่อย่างจริงจัง โดยการดำเนินการบังคับใช้กฎหมาย อย่างเข้มงวดตลอดทั้งปี และให้หน่วยงานที่รับผิดชอบให้ความสำคัญ กับการออกแบบการแก้ปัญหาจุดเสี่ยง จุดอันตราย ในถนนที่รับผิดชอบ ให้มีความปลอดภัย และกำหนดให้มีการประชุม ศปถ.จังหวัด ศปถ.อำเภอ และศปถ.อปท. เป็นประจำทุกเดือน นอกจากนี้ นายนิพนธ์ บุญญามณีรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงหมาดไทย (มท.2) ยังได้ติดตามในเรื่องโครงการก่อสร้างเขื่อนกั้นแม่น้ำโกลกในระยะที่ 1 ซึ่งก้าวหน้าไป 80 เปอร์เซ็นต์แล้วส่วนระยะที่ 2 ก็จะดำเนินการต่อจากระยะที่ 1 ต่อไป และยังได้รับทราบความประสงค์ของหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาสในเรื่องแนวรั้วชายแดนกับด่านพรมแดน ที่ติดกับประเทศเพื่อนบ้าน ว่าความประสงค์ที่จะให้ดำเนินการต่อเนื่องไปถึงพื้นที่อำเภอตากใบ ซึ่งคิดว่าจะเป็นประโยชน์มากขึ้น สำหรับการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยแล้งและแก้ไขปัญหาไฟป่าพรุนั้น ก็ทราบว่าทั้งชลประทานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้มีแผนงานที่ชัดเจน ในส่วนของเรื่องปัญหาที่ดิน การออกเอกสารสิทธิ์ในที่ดินให้กับพี่น้องประชาชน ซึ่งเรื่องนี้ก็ถือว่ามีความสำคัญอย่างยิ่ง และเป็นนโยบายของรัฐบาลในการที่จะมาดูแล แก้ปัญหาในเรื่องของการถือครองกรรมสิทธิ์ในที่ดินที่มีปัญหาทับซ้อนระหว่างที่ดินของรัฐ กับที่ดินของประชาชน วันนี้ก็ได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปกำหนดแนวเขตระหว่างที่ดินของรัฐไม่ว่าจะเป็นที่ดินป่าไม้ หรือป่าพรุ ที่ดินเขตห้ามล่าทั้งหลายทั้งปวง กับที่ดินของประชาชน ที่ดินใดมีข้อพิพาทอยู่แล้วและไม่ใช่ที่ดินของรัฐ ผมในฐานะที่ดูแลกรมที่ดิน ก็มีความประสงค์จะเร่งรัดที่จะออกเอกสารสิทธิ์ให้ประชาชน อันนี้ก็ยังเดินหน้าต่อ เมื่อเราทราบแนวเขตแล้วก็จะส่งเจ้าหน้าที่มาออกสำรวจรังวัด ออกเอกสารสิทธิ์ให้กับพี่น้องประชาชน ในส่วนของที่ดินของรัฐซึ่งประชาชนไม่สามารถพิสูจน์สิทธิ์ได้ว่าถือการครอบครองมาก่อน ก็จะต้องนำไปสู่กระบวนการที่นำไปสู่ คทช.ที่เรียกว่าเป็นกฎหมายที่เป็นเครื่องมือของรัฐบาลออกมาใหม่เป็นเครื่องมือในการดูแลจัดการเรื่องที่ดินทำอย่างไรจะให้พี่น้องประชาชนแม้จะไม่มีกรรมสิทธิ์ในที่ดินมาก่อนก็ถือว่าพี่น้องในชุมชนนั้น หรือว่าในนามองค์กรนั้นๆ เขาสามารถเข้าไปทำประโยชน์ได้ จะเป็นการเช่าก็ดีหรือจะเป็นตามข้อตกลงกัน แต่เขาจะไม่อยู่ในฐานะผู้บุกรุก นี่คือสิ่งที่แสดงความประสงค์ และให้มีความชัดเจนในการแก้ปัญหาในเรื่องที่ดินให้กับพี่น้องประชาชน วันนี้ถือว่ามาทั้งเรื่องอุทกภัยและมาทั้งเรื่องของที่ดินรวมถึงขอความกรุณาผวจ.นราธิวาสให้เข้ามาช่วยดูแลเรื่องความปลอดภัยบนท้องถนนซึ่งถือว่ามีสถิติการเสียชีวิตที่สูงอยู่ อยากจะเห็นทุกฝ่ายได้ร่วมกันไม่ว่าจะเป็นกลไกของ ศูนย์ความปลอดภัยบนท้องถนนระดับจังหวัดศูนย์ความปลอดภัยบนท้องถนนอำเภอศูนย์ความปลอดภัยบนท้องถนนระดับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ต้องร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดในการที่จะดูแล เราประสบผลความสำเร็จในเรื่องของ covid-19 เพราะทุกฝ่ายบูรณาการกัน จึงอยากเห็นการบูรณาการแบบนี้ในทุกภารกิจของประเทศที่เป็นปัญหาอยู่ในขณะนี้อีกด้วย

อ่านรายละเอียด

นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (มท.2) สร้างฟุตบอล ประชาธิปัตย์ คัพ เพื่อพัฒนาและปลูกฝังระเบียบวินัย น้ำใจนักกีฬาสู่อนาคตที่ดีแก่เยาวชน 4 จังหวัด นราธิวาส ยะลา ปัตตานี และสงขลา

นิพนธ์ รองหัวหน้าพรรค ปชป. สร้างฟุตบอล “ประชาธิปัตย์ คัพ” เพื่อพัฒนาและปลูกฝังระเบียบวินัย น้ำใจนักกีฬาสู่อนาคตที่ดีแก่เยาวชน 4 จังหวัด นราธิวาส ยะลา ปัตตานี และสงขลา เมื่อเวลา 09.30 น.วันนี้(11 ก.ย.63) นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นประธานเปิดการแข่งขันฟุตบอลนักเรียน 7 คน ต้านภัยยาเสพติด ประชาธิปัตย์คัพ ครั้งที่ 1 โดยมีรองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส นายกเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก หัวหน้าส่วนราชการ ตัวแทนจากสำนักงานสาขาพรรคประชาธิปัตย์ จังหวัดนราธิวาส ทั้ง 4 เขต พร้อมด้วยคณะกรรมการจัดการแข่งขัน ผู้ควบคุมทีม นักเตะเยาวชน และสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ทั้ง 4 เขตในจังหวัดนราธิวาส เข้าร่วมในพิธีเปิดกว่า 500 คน ทั้งนี้ทางสำนักงานสาขาพรรคประชาธิปัตย์จังหวัดนราธิวาส ทั้ง 4 เขต ได้มีการปรึกษาหารือที่จะส่งเสริมให้เยาวชนมาสนใจออกกำลังกาย และเป็นการประชาสัมพันธ์พรรคประชาธิปัตย์ให้เป็นที่ รู้จักอย่างแพร่หลาย จึงได้มีมติเห็นชอบให้จัดการแข่งขันฟุตบอลนักเรียน 7 คน ต้านภัยยาเสพติด ประชาธิปัตย์คัพ ครั้งที่ 1 ขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อเป็นการส่งเสริมให้เยาวชนห่างไกลจากยาเสพติด และมุ่งมั่นในการออกกำลังกาย ซึ่งจะเป็นการดึงเยาวชนให้เข้ามาอยู่ในสังคมที่ดีได้รู้จักความรัก ความสามัคคีในหมู่คณะ และก่อให้เกิดความสมบูรณ์ของ ร่างกาย อีกทั้งเป็นการสร้างระเบียบวินัยให้กับเยาวชน ให้รู้จักกฎกติกาในการเล่นกีฬา รู้จักแพ้ รู้จักชนะ และรู้จักให้อภัย และเป็นการสนับสนุนให้ยาวชน สามารถก้าวไปสู่การเป็นนักกีฬาฟุตบอลระดับจังหวัด และระดับชาติต่อไป ทั้งเพื่อให้ประชาชนได้เข้าใจ เข้าถึงบทบาทของพรรคประชาธิปัตย์ที่มีต่อสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อนักเรียน นักศึกษาและเยาวชน ในการแข่งขันมีนักเรียนเข้าร่วมแข่งขัน ประเภททีม อายุไม่เกิน 12 ปี จำนวน 4 ทีมและอายุไม่เกิน 15 ปี จำนวน 53 ทีม ทำการแข่งขันเป็นเวลา 2 วัน ซึ่งในวันที่ 12 เป็นการแข่งขันของนักเรียนอายุไม่เกิน 12 ปี และวันที่ 13 จะเป็นการแข่งขันของนักเรียนอายุไม่เกิน 15 ปี นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย และรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า” ต้องขอขอบคุณ ตัวแทนสาขาพรรคประชาธิปัตย์ ทั้ง 4 เขต ที่จัดการแข่งขันฟุตบอลนักเรียน 7 คน ต้านภัยยาเสพติด ประชาธิปัตย์คัพ ครั้งที่ 1 ขึ้นในวันนี้ ซึ่งนับเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการพัฒนาเยาวชน เพื่อส่งเสริมเยาวชน ให้ใข้เวลาว่างให้เป็นประโยขน์ นับเป็นการพัฒนา และฝึกทักษะในการเล่นกีฬาฟุตบอล ซึ่งการทำให้เยาวชนมีวินัยในการเล่นกีฬาจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพราะกีฬาจะมีในเรื่องของ กฏ กติกา และกีฬายังสอนให้เรารู้แพ้ รู้ชนะ และรู้อภัย เป็นการแสดงออกถึงความสามารถของตัวนักกีฬา เพื่อความหวังของชัยชนะ แต่ต้องอยู่ภายใต้กฏ กติกา และไม่ทิ้งคำว่า มิตรภาพ ซึ่งเยาวชนที่เข้าร่วมการแข่งขันในวันนี้มาจากหลายจังหวัดทางภาคใต้ จึงชี้ให้เห็นว่า เยาวชนที่เข้าร่วมการแข่งขันวันนี้ ทุกคนสนใจในด้านกีฬา และสำหรับผู้ที่พลาดหวังในวันนี้ ก็อย่าเสียใจ และเอาประสบการณ์ในวันนี้นำไปแก้ไข และพัฒนาเพื่อโอกาสต่อไป ในส่วนทีมที่ได้รับชัยชนะ ก็ขอให้หมั่นฝึกซ้อมต่อไป เพื่อรักษาแชมป์ให้ได้ วันนี้จึงถือเป็นการแข่งขันเริ่มต้นของจังหวัดนราธิวาส ซึ่งถือว่าทุกคนต่างมาหาทักษะ และประสบการณ์ เพื่อที่วันข้างหน้าจะพัฒนาก้าวไปสู่ในระดับอาชีพ เป็นการเก็บเกี่ยวประสบการณ์ที่ดี ดังนั้นจึงขอให้ตั้งใจเล่น และฝึกซ้อมในการแข่งขัน เพื่อพัฒนาทักษะการเล่นกีฬาของตนเอง และร่วมกันพัฒนากีฬาฟุตบอลต่อไปในอนาคต”

อ่านรายละเอียด

นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย(มท.2) ขับเคลื่อน เปลี่ยนน้ำเสีย คืนน้ำใส ให้สงขลา กระตุ้นจิตสำนึกชุมชน พร้อมปลูกฝังเยาวชน ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม โดยใช้กีฬาสร้างการมีร่วมจากทุกภาคส่วน

นิพนธ์ ขับเคลื่อน “เปลี่ยนน้ำเสีย คืนน้ำใส ให้สงขลา” กระตุ้นจิตสำนึกชุมชน พร้อมปลูกฝังเยาวชน ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม โดยใช้กีฬาสร้างการมีร่วมจากทุกภาคส่วน วันนี้ 27 กันยายน 2563 นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย(มท.2) เป็นประธานในพิธีเปิด การจัดกิจกรรมความร่วมมือ ด้านการจัดการน้ำเสีย “เปลี่ยนน้ำเสีย คืนน้ำใส ให้สงขลา”  ณ สนามกีฬาติณสูลานนท์ อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา โดยมีนายจารุวัฒน์ เกลี้ยงเกลา ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา  นายประพันธ์ ศรีสุวรรณ ปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา ปฏิบัติหน้าที่นายกอบจ.สงขลา  นายชีระ วงศ์บูรณะ ผู้อำนวยการองค์การจัดการน้ำเสีย และผู้บริหาร คณะผู้จัดงาน และประชาชนร่วมในพิธีเปิดกิจกรรมด้านการจัดการน้ำเสีย “เปลี่ยนน้ำเสีย คืนน้ำใส ให้สงขลา” ทั้งนี้เทศบาลนครสงขลาและองค์การจัดการน้ำเสีย ร่วมกันจัดกิจกรรมความร่วมมือด้านการจัดการน้ำเสีย “เปลี่ยนน้ำเสีย คือน้ำใส ให้สงขลา” โดยมุ่งเน้นให้ความสำคัญในการเสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจ กับผู้นำชุมชนและประชาชน ในการป้องกันแก้ไขปัญหาน้ำเสีย และการสร้างความตระหนักรู้ในการช่วยกันลดความสกปรกของน้ำเสีย จากแหล่งกำเนิด การร่วมกันรักษาสิ่งแวดล้อม เพื่อให้การจัดการน้ำเสียในพื้นที่เทศบาลนครสงขลาเป็นไปอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจากวิสัยทัศน์การพัฒนาของจังหวัดสงขลา ที่กำหนดไว้ว่า “สงขลาศูนย์กลางเศรษฐกิจภาคใต้ ประชาชนมีคุณภาพสิ่งแวดล้อมยั่งยืน” ซึ่งความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อมนั้น จังหวัดสงขลาประสบความสำเร็จในการพัฒนาด้านโครงสร้างพื้นฐาน การบริการจัดการน้ำและขยะ แต่ยังคงมีประเด็นท้าทายหลายประเด็นที่รอการพัฒนาสู่ความยั่งยืน เช่นการแก้ปัญหาคุณภาพน้ำ โดยเฉพาะการจัดการน้ำเสีย จึงจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำไปสู่การควบคุม กำกับ ดูแลคุณลักษณะของน้ำเสียจากแหล่งกำเนิด ก่อนที่จะถูกรวบรวมเข้าสู่ระบบบำบัดน้ำเสีย และการปรับตัวคุณภาพน้ำที่ผ่านการบำบัดแล้ว ให้สามารถนำกลับมาใช้ประโยชน์ได้ ที่สำคัญคือประชาชนต้องมีความรู้ ความเข้าใจ ให้ความร่วมมือ โดยช่วยกันลดความสกปรกของน้ำเสียได้อย่างต่อเนื่อง มีประสิทธิภาพและยั่งยืน กระทรวงมหาดไทยได้กำหนดให้การจัดการน้ำเสียชุมชน เป็นภารกิจสำคัญตามนโยบายรัฐบาล  โดยมีเป้าหมายบำบัดน้ำเสียจากชุมชนให้มีคุณภาพตามเกณฑ์มาตรฐานน้ำทิ้งชุมชน ก่อนปล่อยลงสู่แหล่งน้ำสาธารณะ และได้มอบหมายให้องค์การจัดการน้ำเสีย(อจน.) ซึ่งโอนย้ายกิจการมาอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงมหาดไทย และมีอำนาจหน้าที่ในการจัดให้มีระบบบำบัดน้ำเสียรวม และให้บริการ และบริหารหรือจัดการระบบบำบัดน้ำเสีย ประกอบกับรัฐบาลได้มีนโยบายที่ให้ความสำคัญกับการบูรณาการในระดับพื้นที่ โดยให้กระทรวงมหาดไทยเป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อนภารกิจสำคัญด้านการแก้ไขปัญหาน้ำเสีย องค์การจัดการน้ำเสีย(อจน.) จึงได้จัดกิจกรรมความร่วมมือด้านการจัดการน้ำเสียขึ้น เพื่อสร้างความรู้ ความเข้าใจกับประชาชน รวมถึงการมีส่วนร่วมของประชาชน ในการป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำเสีย โดยสร้างสัมพันธ์ที่ดีกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยการจัดนิทรรศการด้านการจัดการน้ำเสีย การออกบูธสินค้าชุมชน หรือบูธจากหน่วยงานต่างๆ เพื่อการเสริมสร้างการมีส่วนร่วมของเยาวชน การเปิดคลีนิคฟุตบอลโดย อดีตนักฟุตบอลทีมชาติไทย “ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน” และการแข่งขันฟุตบอลนัดพิเศษ ระหว่างทีมดารา  Star Rider นำโดย เกรท วรินทร กับทีมอดีตนักฟุตบอลทีมชาติไทย นำโดยปิยะพงษ์ ผิวอ่อน นายนิพนธ์ รมช.มท.กล่าวว่า”องค์การจัดการน้ำเสีย ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจสังกัดกระทรวงมหาดไทย มีภารกิจหลักที่สำคัญคือ มาดูแลในเรื่องทำอย่างไรให้น้ำเสียอยู่คู่กับชุมชนได้ ปัจจุบันสิ่งแวดล้อมในชุมชนนับว่ามีความสำคัญยิ่ง ถ้าเราไม่ช่วยกันดูแลและรักษา ชุมชนนั้นก็ไม่น่าอยู่ ดังนั้นถ้าจะทำให้ชุมชนน่าอยู่ สิ่งแวดล้อมจึงเป็นสิ่งสำคัญ และนี่เป็นส่วนหนึ่งของการดูแลในเรื่องสิ่งแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องขยะ เรื่องน้ำเสีย เรื่องภาวะต่างๆ ซึ่งถ้าเราจะทำเรื่องน้ำเสียวันนี้ เราต้องเริ่มที่เยาวชนเหมือนกับที่เราบอกว่า “ไม้แก่ดัดยาก ไม้อ่อนดัดง่าย” ฉะนั้นวันนี้การปลูกจิตสำนึกจึงเริ่มที่เยาวชน น่าจะเป็นสิ่งที่จะทำให้การจัดการน้ำเสียในวันข้างหน้ามีประสิทธิภาพมากขึ้น ดังนั้นเราจึงเอาในเรื่องของการกีฬามาจุดประกายให้เยาวชนหันมาสนใจในเรื่องของการทำน้ำเสีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกีฬาฟุตบอล จึงได้ร่วมกับคุณปิยะพงษ์ ผิวอ่อนอดีตนักฟุตบอลทีมชาติไทยและยังเป็นไอดอลของเยาวชนทั้งหมด วันนี้จึงเป็นที่มาที่โครงการจัดการน้ำเสีย ได้ร่วมกับคุณปิยะพงษ์ ผิวอ่อนนำนักฟุตบอลทีมชาติมาเปิดคลินิกสอนฟุตบอลให้กับเยาวชน และในขณะที่เราสอนในเรื่องของกีฬาฟุตบอล เราก็สอนในเรื่องของการดูแลสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะในเรื่องของการจัดการน้ำเสียในชุมชน กิจกรรมวันนี้นอกจากได้ความรู้ในเรื่องกีฬาฟุตบอลแล้ว เรายังได้สร้างจิตสำนึกที่ดีว่า เยาวชนวันข้างหน้าต้องเป็นทูตให้กับองค์การจัดการน้ำเสียในชุมชนนั้นๆ เป็นตัวแทนองค์การจัดการน้ำเสีย ที่จะไปบอกต่อผู้ปกครอง หรือญาติว่าต่อไปนี้ เวลาจะทิ้งอะไรลงในแม่น้ำลำคลองต้องคิดให้มาก ต้องช่วยกันดูแลแม่น้ำลำคลองก่อนที่จะปล่อยทิ้งน้ำลงในแม่น้ำ ลำคลอง โดยเฉพาะต้องมีการติดตั้งเครื่องดักไขมัน ก่อนที่จะปล่อยทิ้งน้ำลงในแม่น้ำ ลำคลองรวมถึงการไม่ทิ้งขยะลงในแม่น้ำ ลำคลองเพราะบางพื้นที่ยังสามารถนำน้ำในแม่น้ำ ลำคลองนำกลับมาใช้ในการอุปโภคบริโภคต่อได้อีก ดังนั้นถ้ามีการรักษาสิ่งแวดล้อมที่ดี ก็เท่ากับว่าเราสามารถรักษาแหล่งน้ำที่ดีให้แก่ชุมชนด้วย จึงอยากให้เห็นว่าเยาวชน เป็นบุคคลสำคัญในการดูแลสิ่งแวดล้อมในวันข้างหน้า” “ดังนั้นองค์การจัดการน้ำเสีย เป็นตัวอย่างของการให้ความสำคัญในการเสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจในการป้องกันแก้ไขปัญหาน้ำเสีย รวมถึงการสร้างความตระหนักในการช่วยกันลดความสกปรกของน้ำเสียจากแหล่งกำเนิด การร่วมกันรักษาสิ่งแวดล้อม มีความสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล ที่ให้ความสำคัญกับการบูรณาการในพื้นที่ โดยให้กระทรวงมหาดไทยเป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อนภารกิจสำคัญ ด้านการแก้ไขปัญหาน้ำเสีย” นายนิพนธ์กล่าว

อ่านรายละเอียด

นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นำการประปานครหลวง ลงพื้นที่ พระโขนง จัดกิจกรรม ลดปล่อยน้ำเสียลงคู คลองสาธารณะ-เติมน้ำหมักจุลินทรีย์ (EM) เฉลิมพระเกียรติฯ เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาฯ

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 30 กรกฎาคม 2563 ที่ลานอเนกประสงค์ วัดราษฎร์ศรัทธาธรรม เขตพระโขนง กรุงเทพมหานคร นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (มท.2) เป็นประธานเปิดโครงการรวมใจรักษ์น้ำปี 2563 กิจกรรม “กปน. รวมใจ ให้ความรู้ ฟื้นฟูคลอง” เพื่อเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม 2563 พร้อมด้วยนายสุทธิ ปัญญาสกุลวงศ์ ที่ปรึกษารมช.มหาดไทย นายอรัญ วงศ์อนันต์ คณะที่ปรึกษารมช.มท. และคณะทำงาน โดยมีนายปริญญา ยมะสมิต ผู้ว่าการประปานครหลวง นายเรืองเดช พงษ์จันทรโอ ผู้อำนวยการเขตพระโขนง และ ผู้อำนวยการโรงเรียนมูลนิธิวัดราษฎร์ศรัทธาธรรมสงเคราะห์ เข้าร่วมกิจกรรม นายนิพนธ์ กล่าวว่า กิจกรรม “กปน. รวมใจ ให้ความรู้ ฟื้นฟูคลอง” จัดขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 68 พรรษา 28 กรกฎาคม 2563 ซึ่งการประปานครลวง(กปน.) รัฐวิสาหกิจของกระทรวงมหาดไทย ภายใต้การกำกับดูแลของ นายนิพนธ์ รมช.มท. มีภารกิจหลักในการผลิตน้ำประปาที่สะอาด คุณภาพดีให้บริการประชาชนในพื้นที่กรุงเทพมหานคร นนทบุรี และสมุทรปราการ โดยรับน้ำดิบจาก 2 แหล่ง คือ ลุ่มน้ำเจ้าพระยา และลุ่มน้ำแม่กลองเพื่อนำมาผลิตน้ำประปา ตามมาตรฐานองค์การอนามัยโลก (WHO) และนอกจากการผลิตน้ำประปาแล้วกปน.ยังให้ความสำคัญกับการจัดสรรทรัพยากรน้ำที่มีอยู่อย่างจำกัด ตลอดจนปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม โดยพบว่า คู คลองหลายแห่งประสบปัญหาการ ไหลเวียนของน้ำทำให้เกิดน้ำเน่าเสียส่งผลกับคุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชน โดยกิจกรรม “กปน. รวมใจ ให้ความรู้ ฟื้นฟูคลอง” จะเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาความสัมพันธ์ และความร่วมมือที่ดีระหว่างการประปานครหลวงกับประชาชน ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียด้วยหลักธรรมาภิบาลเกิดการมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหา ให้ความรู้ถึงเรื่องการอนุรักษ์แหล่งน้ำ และการไม่ปล่อยน้ำเสียลงคูคลองสาธารณะ รวมทั้งยังมีการเติมน้ำหมักจุลินทรีย์ (EM) ในคลองบ้านหลายเพื่อบำบัดปัญหากลิ่นเหม็นและน้ำเน่าเสียในคลองดังกล่าว ด้วย “ทั้งนี้ ขอความร่วมมือให้พี่น้องประชาชนตระหนักถึงความสำคัญของการใช้น้ำเพราะน้ำทุกหยดมีคุณค่า รวมถึงการดูแลสิ่งแวดล้อมในชุมชนช่วยกันดูแลรักษาแหล่งน้ำสาธารณะ ด้วยการบำบัดน้ำเสียในครัวเรือนก่อนที่จะปล่อยลงในแม่น้ำลำคลอง ร่วมกันสร้างวินัยในครัวเรือน และขยายไปสู่ชุมชนโดยร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และผู้นำชุมชน เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของพี่น้องประชาชน และเกิดจิตสำนึกในการอนุรักษ์ทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะทรัพยากรน้ำอย่างสัมฤทธิ์ผลและยั่งยืนต่อไป” นายนิพนธ์ กล่าว จากนั้นรมช. และคณะ ยังได้เยี่ยมชมนิทรรศการกิจกรรม “กปน. รวมใจ ให้ความรู้ ฟื้นฟูกลอง” พร้อมมอบข้าวสารและข้าวกล่องพร้อมน้ำดื่มให้กับประชาชนในชุมชนพื้นที่เขต

อ่านรายละเอียด

ตรวจเยี่ยมการดำเนินงานของสำนักงานจัดการน้ำเสียสาขาศรีราชา จังหวัดชลบุรี

เมื่อวันที่13 พค.63  ผู้อำนวยการจัดการน้ำเสีย พร้อมด้วยรองผู้อำนวยการปฎิบัติการ ผู้อำนวยฝ่ายจัดการน้ำเสีย2และผู้อำนวยการฝ่ายวิศวกรรมได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมการดำเนินงานของสำนักงานจัดการน้ำเสียสาขาศรีราชา จังหวัดชลบุรี ที่ดำเนินการปรับปรุงระบบฆ่าเชื้อโรค ให้มีความพร้อมและประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อโรคชนิดต่างๆ ให้น้ำที่ผ่านการบำบัดมีคุณภาพได้มาตรฐาน

อ่านรายละเอียด