องค์การจัดการน้ำเสียร่วมจัดนิทรรศการในงาน FTI Expo 2025 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ระหว่างวันที่ 12-15 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 10.00-19.00 น. ตามที่ กระทรวงมหาดไทยได้จัดทำโครงการเสริมสร้างศักยภาพในการขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals : SDGs) ภาคอุตสาหกรรมในภารกิจของกระทรวงมหาดไทย ปีงบประมาณ พ.ศ.2568 โดยมีกิจกรรมหลัก คือการจัดนิทรรศการของกระทรวงมหาดไทยในงาน FTI EXPO 2025 ระหว่างวันที่ 12-15 กุมภาพันธ์ 2568 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ กรุงเทพมหานคร และมอบหมายภารกิจให้กรมและรัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานในสังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทยร่วมจัดนิทรรศการดังกล่าวภายใต้บูธกระทรวงมหาดไทย นั้น ในการนี้ องค์การจัดการน้ำเสียได้เข้าร่วมจัดนิทรรศการ ภายใต้แนวคิดหลัก “เปลี่ยนน้ำเสีย เป็นน้ำใส ช่วยอุตสาหกรรมไทยลดต้นทุนการผลิต” เนื่องจาก องค์การจัดการน้ำเสียได้สนับสนุนการแก้ไขปัญหาน้ำเสียชุมชนในพื้นที่เทศบาลเมืองราชบุรี จังหวัดราชบุรี โดยได้ซ่อมแซม ปรับปรุง ฟื้นฟู เพิ่มประสิทธิภาพระบบบำบัดน้ำเสียชุมชนของเทศบาล และจัดตั้งเป็นศูนย์บริหารจัดการคุณภาพน้ำ เพื่อควบคุม ดูแล บริหารจัดการอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งสามารถนำน้ำที่ผ่านการบำบัดแล้วมีคุณภาพเป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนด กลับมาใช้ประโยชน์ใหม่เป็นน้ำต้นทุนในกิจการอุตสาหกรรมทางการเกษตร (มะพร้าวน้ำหอม) เพื่อช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายให้กับผู้ประกอบการ ซึ่งเป็น Best Practice ของการดำเนินงานที่สนับสนุนการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรมทางการเกษตรของประเทศไทย
วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2564 เวลา 9.00 น. ณ ห้องประชุมกรมราชทัณฑ์ ชั้น 3 อาคารกรมราชทัณฑ์ อำเภอเมืองนนทบุรี จังหวัดนนทบุรี นายเชาวน์ นกอยู่ ผู้เชี่ยวชาญด้านการบำบัดน้ำเสียศูนย์อำนวยการใหญ่จิตอาสาพระราชทาน ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีลงนาม “บันทึกข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมือในการสนับสนุนและเสริมสร้างศักยภาพในการบริหารจัดการน้ำเสียระหว่างองค์การจัดการน้ำเสียกับกรมราชทัณฑ์” โดยมีนายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ และนายชีระ วงศบูรณะ ผู้อำนวยการองค์การจัดการน้ำเสีย ให้เกียรติร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลงฉบับดังกล่าว ที่มาของการจัดทำบันทึกข้อตกลงฉบับนี้เกิดขึ้นจากการที่กรมราชทัณฑ์ร่วมกับศูนย์อำนวยการใหญ่จิตอาสาพระราชทาน ในการดำเนินการให้คำปรึกษาแนะนำเกี่ยวกับการบริหารจัดการน้ำเสียในเรือนจำทั่วประเทศ และเห็นว่าเรือนจำส่วนใหญ่ยังมีปัญหาในการจัดการน้ำเสีย เนื่องจากไม่มีระบบบำบัดน้ำเสียหรือมีปริมาณน้ำเสียเกินกว่าความสามารถของระบบบำบัดในเรือนจำ ส่งผลให้เกิดมลภาวะทั้งภายในเรือนจำและบริเวณชุมชนข้างเคียง อีกทั้งยังก่อให้เกิดความสิ้นเปลืองทรัพยากร เนื่องจากไม่สามารถนำน้ำที่ใช้แล้วมาบำบัดและนำกลับมาใช้ใหม่ได้ กรมราชทัณฑ์จึงประสานงานขอความอนุเคราะห์จากองค์การจัดการน้ำเสีย ซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีความชำนาญด้านการจัดการน้ำเสียในภาพรวมของประเทศ เพื่อขอรับคำปรึกษาและข้อเสนอแนะในการวางแผนและพัฒนาระบบบริหารจัดการน้ำเสียของกรมราชทัณฑ์ ตามข้อเสนอแนะของผู้เชี่ยวชาญจากศูนย์อำนวยการใหญ่จิตอาสาพระราชทาน ซึ่งทางองค์การจัดการน้ำเสียได้ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี โดยได้แต่งตั้งคณะทำงานเพื่อดำเนินการพัฒนาระบบบำบัดน้ำเสียของกรมราชทัณฑ์ขึ้นเป็นการเฉพาะ ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นของความร่วมมือระหว่างทั้งสองหน่วยงาน
นิพนธ์ กำชับ ผู้ว่าฯนครศรี ป้องกันไฟไหม้ป่าพรุควนเคร็ง หวั่นแล้งนี้ส่งผลกระทบรุนแรง ห่วงผลกระทบเศรษฐกิจฐานรากเร่งกำหนดมาตรการช่วยเหลือปชช.หลังโควิดฯคลาย พร้อมติดตามารทำงานคกก.ขับเคลื่อนไทยไปด้วยกัน จ.นครศรีฯ เมื่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2564 ที่ศาลากลางจังหวัดนครศรีธรรมราช นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการประชุมติดตามการดำเนินงานขับเคลื่อนไทยไปด้วยกันจังหวัดนครศรีธรรมราช ครั้งที่ 1/2564 โดยมีนายไกรศร วิศิษฎ์วงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช พร้อมด้วยรองผู้ว่าราชการจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการ และผู้ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม นายนิพนธ์ กล่าวขอบคุณทุกภาคส่วนที่ร่วมกันแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนจังหวัดนครศรีธรรมราชเป็นอย่างดี โดยจะติดตามความก้าวหน้าในด้านต่าง ๆ แต่ที่สำคัญเน้นย้ำขอให้เร่งรัดให้การเบิกจ่ายงบประมาณที่เกี่ยวกับการอบรมสัมมนาให้แล้วเสร็จภายในไตรมาส 1 ของปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายภาครัฐ โดยให้คำนึงถึงการรักษาสุขอนามัยในการจัดกิจกรรมและความปลอดภัยในการบ้องกันโรคด้วย ส่วนผลผลิตทางการเกษตรขอให้ติดตามการขึ้นทะเบียนโครงการประกันรายได้ ทั้งยางพารา ปาล์มน้ำมัน ข้าว มันสำปะหลัง โดยให้สำนักงานเกษตรจังหวัดนครศรีธรรมราชกับสำนักงานพาณิชย์จังหวัดนครศรีธรรมราชต้องหารือกันอย่างใกล้ขีดเพื่อวางแผนการผลิตและการขายร่วมกัน “ในส่วนของการเตรียมการแก้ไขปัญหาเรื่องสำคัญเร่งด่วนของจังหวัดนครศรีธรรมราชขณะนี้นั้น คือเรื่องการเตรียมการป้องกันแก้ไขไฟไหม้ป่าพรุควนเคร็งในช่วงฤดูแล้งที่จะมาถึงนี้เพื่อลดความรุนแรงของสถานการณ์ให้ได้มากที่สุดเพราะส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศในพื้นที่อย่างมากเนื่องจากครอบคลุมพื้นที่หลายอำเภอของจังหวัด โดยในเบื้องต้นให้มีอาสาสมัครแนวป้องกันไฟลงพื้นที่เฝ้าระวังสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง พร้อมเร่งสูบน้ำเข้าพื้นที่เพื่อหล่อเลี้ยงความชุ่มชื้นพื้นที่ป่าไว้ โดยผวจ. ปภ. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเข้าไปสนับสนุนการดำเนินเรื่องนี้อย่างเร่งด่วน อีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญคือการเตรียมมาตรการเพื่อดูแลช่วยเหลือดูแลภาคประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ต้องมีการใช้จ่ายงบประมาณของภาครัฐเพื่อเข้าไปดูแลอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โครงการอบรมสัมมนาที่สามารถเข้าถึงกลุ่มประชาชนในเศรษฐกิจฐานรากได้เพื่อสร้างโอกาสและสร้างรายได้ รวมทั้งผู้ว่าราชการจังหวัดในฐานะผู้บริหารแผนงานและงบพัฒนาจังหวัด ต้องเข้าไปบูรณาการร่วมกับภาคส่วนอื่นเพื่อดูแลพี่น้องประชาชนและภาคธุรกิจต่างๆให้ทั่วถึงและรวดเร็ว”นายนิพนธ์กล่าว ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในที่ประชุมยังได้ติดตามความก้าวหน้าการดำเนินงานขับเคลื่อนไทยไปด้วยกันจังหวัดนครศรีธรรมราชทั้ง 10 นโยบายหลักคือ การแก้ไขปัญหาการออกเอกสารสิทธิที่ดิน , การจัดสรรที่ดินทำกินตามนโยบายของรัฐบาล ผ่านคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ(คทช.) , การป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และการขับเคลื่อนการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน , ปัญหาด้านแรงาน , ปัญหาด้านการเกษตร, ปัญหายาเสพติด , การขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศไทย ด้านการสร้างความสมานฉันท์การเคารพและเทิดทูนสถาบันในสถาบันการศึกษา , การขึ้นทะเบียนวัดพระมหาธาตุ วรมหาวิหาร เป็นมรดกโลก , การแก้ไขปัญหาการจราจรวัดเจดีย์ อ.สิชล นอกจากนี้ยังได้ติดตามการดำเนินโครงการภายใต้กรอบนโยบายการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ 3 โครงการ เป็นต้น รวมถึงต้องขอขอบคุณทุกภาคส่วนในการดูแลพี่น้องประชาชนช่วงโควิดได้เป็นอย่างดี รวมทั้งการเร่งดำเนินการใช้งบประมาณเพื่อช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบอุทกภัย และการใช้งบประมาณเพื่อการเตรียมการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราชอีกด้วย
เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2563 เวลา 09.30 น.นายชีระ วงศบูรณะ ผู้อำนวยการองค์การจัดการน้ำเสีย ได้เดินทางไปจังหวัดอุทัยธานี เพื่อร่วมประชุมกับนายณรงค์ รักร้อย ผู้ว่าราชการจังหวัดอุทัยธานีโดยได้หารือการจัดการคุณภาพน้ำแม่น้ำสะแกกรังในเขตเทศบาลเมืองอุทัยธานี ตามแนวทางการขับเคลื่อนการจัดการน้ำเสียของ อจน. โดยมี รองปลัดเทศบาลเมืองอุทัยธานี(ผู้แทนนายกเทศมนตรีเมืองอุทัยธานี), ผอ.สำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 4 (นครสวรรค์), ผอ.สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดอุทัยธานี, หัวหน้าสำนักงานจังหวัดอุทัยธานี และท้องถิ่นจังหวัดอุทัยธานี ร่วมประชุมด้วย พร้อมกับได้เดินทางไปสำรวจสถานที่ที่จะก่อสร้างศูนย์บริหารจัดการคุณภาพน้ำ โดยในเบื้องต้นที่ประชุมมีความสนใจ การใช้พื้นที่ด้านบนของระบบบำบัดน้ำเสียเป็นสนามฟุตบอล
นิพนธ์ เป็นตัวแทนนายกรัฐมนตรี และ คณะรัฐมนตรี ถวายราชสักการะสมเด็จพระนเรศวรมหาราช เนื่องในวันกองทัพไทย เมื่อเวลา 10.30 น.วันนี้(18 ม.ค.64) พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ พลอากาศเอกชลิต พุกผาสุข องคมนตรี เป็นผู้แทนพระองค์ไปถวายราชสักการะสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ณ พระบรมราชานุสรณ์ อำเภอดอนเจดีย์ จังหวัดสุพรรณบุรี โดยวางพุ่มดอกไม้ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พุ่มดอกไม้ของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวงและพุ่มดอกไม้ของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี และจุดธูปเทียนถวายราชสักการะ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ในการนี้ นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นตัวแทนนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี ในการวางพุ่มดอกไม้ถวายราชสักการะสมเด็จพระนเรศวรมหาราช เนื่องในวันกองทัพไทย ซึ่งเป็นวันคล้ายวันที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงกระทำยุทธหัตถี โดยคณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติให้วันที่ 18 มกราคมของทุกปีเป็นวันยุทธหัตถี ทางราชการจึงได้จัดให้มีพิธีถวายราชสักการะสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ขึ้นเป็นประจำทุกปี
เมื่อวันที่ 11 มกราคม 2564 นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า จากการที่ตนได้ลงพื้นที่เมื่อช่วงเกิดสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ประกอบด้วย จังหวัดนราธิวาส จังหวัดยะลา จังหวัดปัตตานีและจังหวัดสงขลา นั้น เพื่อไปเยี่ยมให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานช่วยเหลือพี่น้องประชาชนและเยี่ยมให้กำลังใจพร้อมมอบถุงยังชีพบรรเทาทุกข์ให้แก่ผู้ประสบภัยในพื้นที่จนถึงขณะนี้สถานการณ์น้ำในพื้นที่ยังคงต้องเฝ้าระวังติดตามอย่างใกล้ชิดเพราะยังมีบางจุดที่น้ำยังท่วมสูงอยู่ และภาพรวมพี่น้องประชาชนยังใช้ชีวิตได้อย่างยากลำบาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้องดูแลในสิ่งที่จำเป็นสำหรับการดำรงชีวิต เช่นอาหาร น้ำดื่ม ฯลฯ ที่มีความจำเป็นอย่างมาก ทั้งนี้ ได้สั่งการไปยังอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย(ปภ.) ให้เร่งดำเนินการจัดส่งรถผลิตน้ำดื่มพร้อมขวดบรรจุภัณฑ์ รถประกอบอาหาร(พร้อมรับประทาน) และเครื่องจักรกลของปภ. เช่น เครื่องสูบน้ำ เป็นต้น ระดมลงพื้นที่ประสบภัยอย่างเร่งด่วน นายนิพนธ์ ยังกล่าวอีกว่า “สถานการณ์ในขณะนี้ยังมีหลายพื้นที่ที่น้ำยังท่วมสูงอยู่ ซึ่งเกิดจากฝนตกอย่างต่อเนื่องในตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาและส่วนใหญ่เป็นฝนที่ตกบนเทือกเขาและตกเหนือเขื่อนทำให้ปริมาณมีมากอยู่เรื่อยๆและไหลเชี่ยวรุนแรง อย่างเขื่อนบางลาง ที่จ.ยะลานั้นทราบว่ามีการปิดการระบายแล้วเมื่อช่วงเช้าวันนี้(11ม.ค.64)เพื่อลดผลกระทบในพื้นที่รับน้ำท้ายเขื่อนอย่างอ.เมืองยะลา และพื้นที่ตามแนวแม่น้ำและจะไหลต่อไปยังจ.ปัตตานี ซึ่งคาดการณ์ว่าหากไม่มีฝนตกลงมาอีกในช่วงสัปดาห์นี้สถานการณ์ในพื้นที่ก็น่าจะคลี่คลายได้ในช่วงไม่เกินสัปดาห์หน้า แต่อย่างไรก็ตาม ต้องดูแลชีวิตความเป็นอยู่ เช่นสิ่งจำเป็นในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อาหารสำเร็จรูปและพร้อมรับประทาน น้ำดื่ม ต้องมีการจัดสรรที่เพียงพอและทั่วถึงเพราะมีครัวเรือนที่ได้รับผลกระทบกว่า 57,000 ครัวเรือนรวมทั้งต้องดูแลสุขภาพอนามัย โรคที่มากับน้ำ และการแพร่ระบาดโควิดให้ครอบคลุมอีกด้วย” “โดยตนได้สั่งการให้นำรถผลิตน้ำดื่ม รถประกอบอาหาร ตลอดจน เครื่องจักรกล เครื่องสูบน้ำเข้าพื้นที่เร่งด่วนเพื่อลดความเดือดร้อนและเร่งการปฏิบัติงานเพื่อให้สถานการณ์ในพื้นที่กลับคืนสู่สภาวะปกติโดยเร็ว”นายนิพนธ์กล่าว
นิพนธ์ แถลงสรุปยอดอุบัติเหตุ 7 วันอันตรายปีใหม่64 เกิดเหตุรวม 3,333 ครั้ง บาดเจ็บรวม 3,326 คน เสียชีวิตรวม 392 ราย สูงกว่าปีก่อน 19 ราย จ.เชียงรายครองแชมป์ตายสูงสุด 18 ราย จ.เชียงใหม่แชมป์เกิดอุบัติเหตุและมีผู้บาดเจ็บสะสมสูงสุดเปิดสาเหตุหลักมาจากขับรถเร็ว 33.60% รองลงมาคือเมาแล้วขับ 33.06 และเกิดจากรถจยย.มากที่สุด เร่งแก้ไขสั่งจังหวัดที่เกิดเหตุถอดบทเรียนไม่ให้สูญเสียซ้ำ พร้อมขอบคุณจนท.ทุกฝ่าย ทุ่มเท เสียสละ ปฏิบัติงานช่วงเทศกาลปีใหม่เพื่อสร้างความสุขให้คนไทย เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 5 มกราคม 2564 ที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะประธานแถลงข่าวสรุปผลการดำเนินงานของศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2564 กล่าวว่า ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ.2564 ได้รวบรวมสถิติอุบัติเหตุทางถนนประจำวันที่ 4 มกราคม 2564 ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของการรณรงค์ “ชีวิตวิถีใหม่ ขับขี่อย่างปลอดภัย ไร้อุบัติเหตุ” เกิดอุบัติเหตุ 265 ครั้ง ผู้เสียชีวิต 22 ราย ผู้บาดเจ็บ 271 คน สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ขับรถเร็ว จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ สุราษฎร์ธานี (12 ครั้ง) จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุด ได้แก่ ลพบุรี (3 ราย) จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสูงสุด ได้แก่ สุราษฎร์ธานี (13 คน) ขณะที่สรุปอุบัติเหตุทางถนนสะสมในช่วง 7 วันของการรณรงค์ (29 ธ.ค.63 – 4 ม.ค. 64) เกิดอุบัติเหตุรวม 3,333 ครั้ง (ลดลงจากปี 2563 ผู้บาดเจ็บรวม 3,326 คน ผู้เสียชีวิตรวม 392 ราย เพิ่มขึ้นจากปี 2563 จำนวน 19ราย จังหวัดที่ไม่มีผู้เสียชีวิตมี 7 จังหวัด ได้แก่ นครนายก นราธิวาส น่าน แม่ฮ่องสอน ระนอง อำนาจเจริญ และอุตรดิตถ์ จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสะสมสูงสุด ได้แก่ เชียงใหม่ (115 ครั้ง) จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุด ได้แก่ เชียงราย (18 ราย) จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสะสมสูงสุด ได้แก่ เชียงใหม่ (117 คน) สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ขับรถเร็ว ร้อยละ 33.60 ดื่มแล้วขับ ร้อยละ 33.06 พฤติกรรมเสี่ยงที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุทางถนนสูงสุด ได้แก่ ไม่สวมหมวกนิรภัย ร้อยละ 59.33 ดื่มแล้วขับ ร้อยละ 25.09 ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ รถจักรยานยนต์ ร้อยละ 82.54 รถปิคอัพ ร้อยละ 6.19 ส่วนใหญ่เกิดบนเส้นทางตรง 65.7 7 ถนนกรมทางหลวง ร้อยละ 37.80 ช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ช่วงเวลา 16.01 – 20.00 น. ร้อยละ 27.45 นายนิพนธ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า “จากสถิติอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2564 เปรียบเทียบอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับปี 2563 การเกิดอุบัติเหตุ ลดลง 88 ครั้ง ผู้บาดเจ็บ ลดลง 173 คน ผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 19 ราย ทั้งนี้สาเหตุหลักของอุบัติเหตุทางถนนยังคงเกิดจากการขับรถเร็วเกินกฎหมายกำหนด และดื่มแล้วขับ รวมถึงผู้ใช้รถจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะที่มีสถิติการเกิดอุบัติเหตุทางถนนสูงสุด ซึ่งศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนได้ประสานจังหวัดบูรณาการสร้างความปลอดภัยทางถนนอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี ภายใต้กลไกของศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนทุกระดับ ทั้งนี้ได้ให้จังหวัดถอดบทเรียนและวิเคราะห์ข้อมูลสถิติอุบัติเหตุทางถนน เพื่อให้ทราบถึงสาเหตุและปัจจัยเสี่ยงอุบัติเหตุในเชิงลึกอย่างเข้มข้นและต่อเนื่อง รวมทั้งค้นหาปัญหาอุปสรรคและปัจจัยความสำเร็จในการลดอุบัติเหตุทางถนน เพื่อนำไปสู่การกำหนดมาตรการและแนวทางที่เหมาะสมกับสภาพปัญหาอุบัติเหตุทางถนนในแต่ละพื้นที่ นอกจากนี้ ได้เน้นย้ำให้ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนอำเภอและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ร่วมกับเจ้าหน้าที่ ภาคประชาชน จิตอาสา และอาสาสมัคร ขับเคลื่อนการลดอุบัติเหตุทางถนนในชุมชนและหมู่บ้าน โดยเฉพาะการบังคับใช้กฎหมายจราจรอย่างเคร่งครัด เพื่อคุมเข้มพฤติกรรมเสี่ยงที่เป็นปัจจัยทำให้เกิดอุบัติเหตุรุนแรง คือ ดื่มแล้วขับ ขับรถเร็ว และการไม่ใช้อุปกรณ์นิรภัย ควบคู่กับการรณรงค์ประชาสัมพันธ์อย่างจริงจัง เพื่อสร้างการรับรู้ ความเข้าใจ และความตระหนักในการใช้รถใช้ถนนอย่างปลอดภัย ตลอดจนปรับเปลี่ยนทัศนคติ ค่านิยม และสร้างจิตสำนึกความรับผิดชอบต่อสังคม ซึ่งจะเป็นรากฐานในการสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยทางถนนอย่างยั่งยืนในสังคมไทย ทั้งนี้ ข้อมูลจากศูนย์ข้อมูลอุบัติเหตุ บริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ ซึ่งเป็นข้อมูลฐานเดียว ได้เปิดเผยจำนวนผู้เสียชีวิตในปี 2562 มีจำนวน 17,176 ราย และในปี 2563 มีจำนวน 15,380 รายซึ่งเปรียบเทียบได้ว่าในปีนี้มีแนวโน้มอัตราการเสียชีวิตที่เริ่มลดลงและเริ่มลดลงต่อเนื่องเมื่อเริ่มนับตั้งแต่ปี 2559 ที่อัตราการเสียชีวิตอยู่ที่ประมาณ 22,000 ราย อย่างไรก็ตาม ยังต้องรอข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุขและสำนักงานตำรวจแห่งชาติถึงการสรุปภาพรวมการเสียชีวิตให้ครบเป็นข้อมูลสามฐานอีกครั้ง “ขอขอบคุณหน่วยงานทุกภาคส่วน เครือข่ายอาสาสมัคร กลุ่มจิตอาสา และเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานที่ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการอำนวยความสะดวกและสร้างความปลอดภัยแก่ประชาชนในการเดินทาง ด้วยความทุ่มเท เสียสละ อดทน และเข้มแข็ง เพื่อร่วมกันสร้างความปลอดภัยทางถนนอย่างยั่งยืนต่อไป”นายนิพนธ์กล่าว
วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2564 เวลา 9.00 น. ณ ห้องประชุมกรมราชทัณฑ์ ชั้น 3 อาคารกรมราชทัณฑ์ อำเภอเมืองนนทบุรี จังหวัดนนทบุรี นายเชาวน์ นกอยู่ ผู้เชี่ยวชาญด้านการบำบัดน้ำเสียศูนย์อำนวยการใหญ่จิตอาสาพระราชทาน ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีลงนาม “บันทึกข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมือในการสนับสนุนและเสริมสร้างศักยภาพในการบริหารจัดการน้ำเสียระหว่างองค์การจัดการน้ำเสียกับกรมราชทัณฑ์” โดยมีนายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ และนายชีระ วงศบูรณะ ผู้อำนวยการองค์การจัดการน้ำเสีย ให้เกียรติร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลงฉบับดังกล่าว ที่มาของการจัดทำบันทึกข้อตกลงฉบับนี้เกิดขึ้นจากการที่กรมราชทัณฑ์ร่วมกับศูนย์อำนวยการใหญ่จิตอาสาพระราชทาน ในการดำเนินการให้คำปรึกษาแนะนำเกี่ยวกับการบริหารจัดการน้ำเสียในเรือนจำทั่วประเทศ และเห็นว่าเรือนจำส่วนใหญ่ยังมีปัญหาในการจัดการน้ำเสีย เนื่องจากไม่มีระบบบำบัดน้ำเสียหรือมีปริมาณน้ำเสียเกินกว่าความสามารถของระบบบำบัดในเรือนจำ ส่งผลให้เกิดมลภาวะทั้งภายในเรือนจำและบริเวณชุมชนข้างเคียง อีกทั้งยังก่อให้เกิดความสิ้นเปลืองทรัพยากร เนื่องจากไม่สามารถนำน้ำที่ใช้แล้วมาบำบัดและนำกลับมาใช้ใหม่ได้ กรมราชทัณฑ์จึงประสานงานขอความอนุเคราะห์จากองค์การจัดการน้ำเสีย ซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีความชำนาญด้านการจัดการน้ำเสียในภาพรวมของประเทศ เพื่อขอรับคำปรึกษาและข้อเสนอแนะในการวางแผนและพัฒนาระบบบริหารจัดการน้ำเสียของกรมราชทัณฑ์ ตามข้อเสนอแนะของผู้เชี่ยวชาญจากศูนย์อำนวยการใหญ่จิตอาสาพระราชทาน ซึ่งทางองค์การจัดการน้ำเสียได้ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี โดยได้แต่งตั้งคณะทำงานเพื่อดำเนินการพัฒนาระบบบำบัดน้ำเสียของกรมราชทัณฑ์ขึ้นเป็นการเฉพาะ ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นของความร่วมมือระหว่างทั้งสองหน่วยงาน
นิพนธ์ กำชับ ผู้ว่าฯนครศรี ป้องกันไฟไหม้ป่าพรุควนเคร็ง หวั่นแล้งนี้ส่งผลกระทบรุนแรง ห่วงผลกระทบเศรษฐกิจฐานรากเร่งกำหนดมาตรการช่วยเหลือปชช.หลังโควิดฯคลาย พร้อมติดตามารทำงานคกก.ขับเคลื่อนไทยไปด้วยกัน จ.นครศรีฯ เมื่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2564 ที่ศาลากลางจังหวัดนครศรีธรรมราช นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการประชุมติดตามการดำเนินงานขับเคลื่อนไทยไปด้วยกันจังหวัดนครศรีธรรมราช ครั้งที่ 1/2564 โดยมีนายไกรศร วิศิษฎ์วงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช พร้อมด้วยรองผู้ว่าราชการจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการ และผู้ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม นายนิพนธ์ กล่าวขอบคุณทุกภาคส่วนที่ร่วมกันแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนจังหวัดนครศรีธรรมราชเป็นอย่างดี โดยจะติดตามความก้าวหน้าในด้านต่าง ๆ แต่ที่สำคัญเน้นย้ำขอให้เร่งรัดให้การเบิกจ่ายงบประมาณที่เกี่ยวกับการอบรมสัมมนาให้แล้วเสร็จภายในไตรมาส 1 ของปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายภาครัฐ โดยให้คำนึงถึงการรักษาสุขอนามัยในการจัดกิจกรรมและความปลอดภัยในการบ้องกันโรคด้วย ส่วนผลผลิตทางการเกษตรขอให้ติดตามการขึ้นทะเบียนโครงการประกันรายได้ ทั้งยางพารา ปาล์มน้ำมัน ข้าว มันสำปะหลัง โดยให้สำนักงานเกษตรจังหวัดนครศรีธรรมราชกับสำนักงานพาณิชย์จังหวัดนครศรีธรรมราชต้องหารือกันอย่างใกล้ขีดเพื่อวางแผนการผลิตและการขายร่วมกัน “ในส่วนของการเตรียมการแก้ไขปัญหาเรื่องสำคัญเร่งด่วนของจังหวัดนครศรีธรรมราชขณะนี้นั้น คือเรื่องการเตรียมการป้องกันแก้ไขไฟไหม้ป่าพรุควนเคร็งในช่วงฤดูแล้งที่จะมาถึงนี้เพื่อลดความรุนแรงของสถานการณ์ให้ได้มากที่สุดเพราะส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศในพื้นที่อย่างมากเนื่องจากครอบคลุมพื้นที่หลายอำเภอของจังหวัด โดยในเบื้องต้นให้มีอาสาสมัครแนวป้องกันไฟลงพื้นที่เฝ้าระวังสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง พร้อมเร่งสูบน้ำเข้าพื้นที่เพื่อหล่อเลี้ยงความชุ่มชื้นพื้นที่ป่าไว้ โดยผวจ. ปภ. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเข้าไปสนับสนุนการดำเนินเรื่องนี้อย่างเร่งด่วน อีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญคือการเตรียมมาตรการเพื่อดูแลช่วยเหลือดูแลภาคประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ต้องมีการใช้จ่ายงบประมาณของภาครัฐเพื่อเข้าไปดูแลอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โครงการอบรมสัมมนาที่สามารถเข้าถึงกลุ่มประชาชนในเศรษฐกิจฐานรากได้เพื่อสร้างโอกาสและสร้างรายได้ รวมทั้งผู้ว่าราชการจังหวัดในฐานะผู้บริหารแผนงานและงบพัฒนาจังหวัด ต้องเข้าไปบูรณาการร่วมกับภาคส่วนอื่นเพื่อดูแลพี่น้องประชาชนและภาคธุรกิจต่างๆให้ทั่วถึงและรวดเร็ว”นายนิพนธ์กล่าว ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในที่ประชุมยังได้ติดตามความก้าวหน้าการดำเนินงานขับเคลื่อนไทยไปด้วยกันจังหวัดนครศรีธรรมราชทั้ง 10 นโยบายหลักคือ การแก้ไขปัญหาการออกเอกสารสิทธิที่ดิน , การจัดสรรที่ดินทำกินตามนโยบายของรัฐบาล ผ่านคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ(คทช.) , การป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และการขับเคลื่อนการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน , ปัญหาด้านแรงาน , ปัญหาด้านการเกษตร, ปัญหายาเสพติด , การขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศไทย ด้านการสร้างความสมานฉันท์การเคารพและเทิดทูนสถาบันในสถาบันการศึกษา , การขึ้นทะเบียนวัดพระมหาธาตุ วรมหาวิหาร เป็นมรดกโลก , การแก้ไขปัญหาการจราจรวัดเจดีย์ อ.สิชล นอกจากนี้ยังได้ติดตามการดำเนินโครงการภายใต้กรอบนโยบายการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ 3 โครงการ เป็นต้น รวมถึงต้องขอขอบคุณทุกภาคส่วนในการดูแลพี่น้องประชาชนช่วงโควิดได้เป็นอย่างดี รวมทั้งการเร่งดำเนินการใช้งบประมาณเพื่อช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบอุทกภัย และการใช้งบประมาณเพื่อการเตรียมการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราชอีกด้วย
เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2563 เวลา 09.30 น.นายชีระ วงศบูรณะ ผู้อำนวยการองค์การจัดการน้ำเสีย ได้เดินทางไปจังหวัดอุทัยธานี เพื่อร่วมประชุมกับนายณรงค์ รักร้อย ผู้ว่าราชการจังหวัดอุทัยธานีโดยได้หารือการจัดการคุณภาพน้ำแม่น้ำสะแกกรังในเขตเทศบาลเมืองอุทัยธานี ตามแนวทางการขับเคลื่อนการจัดการน้ำเสียของ อจน. โดยมี รองปลัดเทศบาลเมืองอุทัยธานี(ผู้แทนนายกเทศมนตรีเมืองอุทัยธานี), ผอ.สำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 4 (นครสวรรค์), ผอ.สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดอุทัยธานี, หัวหน้าสำนักงานจังหวัดอุทัยธานี และท้องถิ่นจังหวัดอุทัยธานี ร่วมประชุมด้วย พร้อมกับได้เดินทางไปสำรวจสถานที่ที่จะก่อสร้างศูนย์บริหารจัดการคุณภาพน้ำ โดยในเบื้องต้นที่ประชุมมีความสนใจ การใช้พื้นที่ด้านบนของระบบบำบัดน้ำเสียเป็นสนามฟุตบอล
นิพนธ์ เป็นตัวแทนนายกรัฐมนตรี และ คณะรัฐมนตรี ถวายราชสักการะสมเด็จพระนเรศวรมหาราช เนื่องในวันกองทัพไทย เมื่อเวลา 10.30 น.วันนี้(18 ม.ค.64) พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ พลอากาศเอกชลิต พุกผาสุข องคมนตรี เป็นผู้แทนพระองค์ไปถวายราชสักการะสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ณ พระบรมราชานุสรณ์ อำเภอดอนเจดีย์ จังหวัดสุพรรณบุรี โดยวางพุ่มดอกไม้ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พุ่มดอกไม้ของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวงและพุ่มดอกไม้ของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี และจุดธูปเทียนถวายราชสักการะ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ในการนี้ นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นตัวแทนนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี ในการวางพุ่มดอกไม้ถวายราชสักการะสมเด็จพระนเรศวรมหาราช เนื่องในวันกองทัพไทย ซึ่งเป็นวันคล้ายวันที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงกระทำยุทธหัตถี โดยคณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติให้วันที่ 18 มกราคมของทุกปีเป็นวันยุทธหัตถี ทางราชการจึงได้จัดให้มีพิธีถวายราชสักการะสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ขึ้นเป็นประจำทุกปี
เมื่อวันที่ 11 มกราคม 2564 นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า จากการที่ตนได้ลงพื้นที่เมื่อช่วงเกิดสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ประกอบด้วย จังหวัดนราธิวาส จังหวัดยะลา จังหวัดปัตตานีและจังหวัดสงขลา นั้น เพื่อไปเยี่ยมให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานช่วยเหลือพี่น้องประชาชนและเยี่ยมให้กำลังใจพร้อมมอบถุงยังชีพบรรเทาทุกข์ให้แก่ผู้ประสบภัยในพื้นที่จนถึงขณะนี้สถานการณ์น้ำในพื้นที่ยังคงต้องเฝ้าระวังติดตามอย่างใกล้ชิดเพราะยังมีบางจุดที่น้ำยังท่วมสูงอยู่ และภาพรวมพี่น้องประชาชนยังใช้ชีวิตได้อย่างยากลำบาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้องดูแลในสิ่งที่จำเป็นสำหรับการดำรงชีวิต เช่นอาหาร น้ำดื่ม ฯลฯ ที่มีความจำเป็นอย่างมาก ทั้งนี้ ได้สั่งการไปยังอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย(ปภ.) ให้เร่งดำเนินการจัดส่งรถผลิตน้ำดื่มพร้อมขวดบรรจุภัณฑ์ รถประกอบอาหาร(พร้อมรับประทาน) และเครื่องจักรกลของปภ. เช่น เครื่องสูบน้ำ เป็นต้น ระดมลงพื้นที่ประสบภัยอย่างเร่งด่วน นายนิพนธ์ ยังกล่าวอีกว่า “สถานการณ์ในขณะนี้ยังมีหลายพื้นที่ที่น้ำยังท่วมสูงอยู่ ซึ่งเกิดจากฝนตกอย่างต่อเนื่องในตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาและส่วนใหญ่เป็นฝนที่ตกบนเทือกเขาและตกเหนือเขื่อนทำให้ปริมาณมีมากอยู่เรื่อยๆและไหลเชี่ยวรุนแรง อย่างเขื่อนบางลาง ที่จ.ยะลานั้นทราบว่ามีการปิดการระบายแล้วเมื่อช่วงเช้าวันนี้(11ม.ค.64)เพื่อลดผลกระทบในพื้นที่รับน้ำท้ายเขื่อนอย่างอ.เมืองยะลา และพื้นที่ตามแนวแม่น้ำและจะไหลต่อไปยังจ.ปัตตานี ซึ่งคาดการณ์ว่าหากไม่มีฝนตกลงมาอีกในช่วงสัปดาห์นี้สถานการณ์ในพื้นที่ก็น่าจะคลี่คลายได้ในช่วงไม่เกินสัปดาห์หน้า แต่อย่างไรก็ตาม ต้องดูแลชีวิตความเป็นอยู่ เช่นสิ่งจำเป็นในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อาหารสำเร็จรูปและพร้อมรับประทาน น้ำดื่ม ต้องมีการจัดสรรที่เพียงพอและทั่วถึงเพราะมีครัวเรือนที่ได้รับผลกระทบกว่า 57,000 ครัวเรือนรวมทั้งต้องดูแลสุขภาพอนามัย โรคที่มากับน้ำ และการแพร่ระบาดโควิดให้ครอบคลุมอีกด้วย” “โดยตนได้สั่งการให้นำรถผลิตน้ำดื่ม รถประกอบอาหาร ตลอดจน เครื่องจักรกล เครื่องสูบน้ำเข้าพื้นที่เร่งด่วนเพื่อลดความเดือดร้อนและเร่งการปฏิบัติงานเพื่อให้สถานการณ์ในพื้นที่กลับคืนสู่สภาวะปกติโดยเร็ว”นายนิพนธ์กล่าว
นิพนธ์ แถลงสรุปยอดอุบัติเหตุ 7 วันอันตรายปีใหม่64 เกิดเหตุรวม 3,333 ครั้ง บาดเจ็บรวม 3,326 คน เสียชีวิตรวม 392 ราย สูงกว่าปีก่อน 19 ราย จ.เชียงรายครองแชมป์ตายสูงสุด 18 ราย จ.เชียงใหม่แชมป์เกิดอุบัติเหตุและมีผู้บาดเจ็บสะสมสูงสุดเปิดสาเหตุหลักมาจากขับรถเร็ว 33.60% รองลงมาคือเมาแล้วขับ 33.06 และเกิดจากรถจยย.มากที่สุด เร่งแก้ไขสั่งจังหวัดที่เกิดเหตุถอดบทเรียนไม่ให้สูญเสียซ้ำ พร้อมขอบคุณจนท.ทุกฝ่าย ทุ่มเท เสียสละ ปฏิบัติงานช่วงเทศกาลปีใหม่เพื่อสร้างความสุขให้คนไทย เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 5 มกราคม 2564 ที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะประธานแถลงข่าวสรุปผลการดำเนินงานของศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2564 กล่าวว่า ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ.2564 ได้รวบรวมสถิติอุบัติเหตุทางถนนประจำวันที่ 4 มกราคม 2564 ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของการรณรงค์ “ชีวิตวิถีใหม่ ขับขี่อย่างปลอดภัย ไร้อุบัติเหตุ” เกิดอุบัติเหตุ 265 ครั้ง ผู้เสียชีวิต 22 ราย ผู้บาดเจ็บ 271 คน สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ขับรถเร็ว จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ สุราษฎร์ธานี (12 ครั้ง) จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุด ได้แก่ ลพบุรี (3 ราย) จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสูงสุด ได้แก่ สุราษฎร์ธานี (13 คน) ขณะที่สรุปอุบัติเหตุทางถนนสะสมในช่วง 7 วันของการรณรงค์ (29 ธ.ค.63 – 4 ม.ค. 64) เกิดอุบัติเหตุรวม 3,333 ครั้ง (ลดลงจากปี 2563 ผู้บาดเจ็บรวม 3,326 คน ผู้เสียชีวิตรวม 392 ราย เพิ่มขึ้นจากปี 2563 จำนวน 19ราย จังหวัดที่ไม่มีผู้เสียชีวิตมี 7 จังหวัด ได้แก่ นครนายก นราธิวาส น่าน แม่ฮ่องสอน ระนอง อำนาจเจริญ และอุตรดิตถ์ จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสะสมสูงสุด ได้แก่ เชียงใหม่ (115 ครั้ง) จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุด ได้แก่ เชียงราย (18 ราย) จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสะสมสูงสุด ได้แก่ เชียงใหม่ (117 คน) สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ขับรถเร็ว ร้อยละ 33.60 ดื่มแล้วขับ ร้อยละ 33.06 พฤติกรรมเสี่ยงที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุทางถนนสูงสุด ได้แก่ ไม่สวมหมวกนิรภัย ร้อยละ 59.33 ดื่มแล้วขับ ร้อยละ 25.09 ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ รถจักรยานยนต์ ร้อยละ 82.54 รถปิคอัพ ร้อยละ 6.19 ส่วนใหญ่เกิดบนเส้นทางตรง 65.7 7 ถนนกรมทางหลวง ร้อยละ 37.80 ช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ช่วงเวลา 16.01 – 20.00 น. ร้อยละ 27.45 นายนิพนธ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า “จากสถิติอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2564 เปรียบเทียบอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับปี 2563 การเกิดอุบัติเหตุ ลดลง 88 ครั้ง ผู้บาดเจ็บ ลดลง 173 คน ผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 19 ราย ทั้งนี้สาเหตุหลักของอุบัติเหตุทางถนนยังคงเกิดจากการขับรถเร็วเกินกฎหมายกำหนด และดื่มแล้วขับ รวมถึงผู้ใช้รถจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะที่มีสถิติการเกิดอุบัติเหตุทางถนนสูงสุด ซึ่งศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนได้ประสานจังหวัดบูรณาการสร้างความปลอดภัยทางถนนอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี ภายใต้กลไกของศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนทุกระดับ ทั้งนี้ได้ให้จังหวัดถอดบทเรียนและวิเคราะห์ข้อมูลสถิติอุบัติเหตุทางถนน เพื่อให้ทราบถึงสาเหตุและปัจจัยเสี่ยงอุบัติเหตุในเชิงลึกอย่างเข้มข้นและต่อเนื่อง รวมทั้งค้นหาปัญหาอุปสรรคและปัจจัยความสำเร็จในการลดอุบัติเหตุทางถนน เพื่อนำไปสู่การกำหนดมาตรการและแนวทางที่เหมาะสมกับสภาพปัญหาอุบัติเหตุทางถนนในแต่ละพื้นที่ นอกจากนี้ ได้เน้นย้ำให้ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนอำเภอและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ร่วมกับเจ้าหน้าที่ ภาคประชาชน จิตอาสา และอาสาสมัคร ขับเคลื่อนการลดอุบัติเหตุทางถนนในชุมชนและหมู่บ้าน โดยเฉพาะการบังคับใช้กฎหมายจราจรอย่างเคร่งครัด เพื่อคุมเข้มพฤติกรรมเสี่ยงที่เป็นปัจจัยทำให้เกิดอุบัติเหตุรุนแรง คือ ดื่มแล้วขับ ขับรถเร็ว และการไม่ใช้อุปกรณ์นิรภัย ควบคู่กับการรณรงค์ประชาสัมพันธ์อย่างจริงจัง เพื่อสร้างการรับรู้ ความเข้าใจ และความตระหนักในการใช้รถใช้ถนนอย่างปลอดภัย ตลอดจนปรับเปลี่ยนทัศนคติ ค่านิยม และสร้างจิตสำนึกความรับผิดชอบต่อสังคม ซึ่งจะเป็นรากฐานในการสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยทางถนนอย่างยั่งยืนในสังคมไทย ทั้งนี้ ข้อมูลจากศูนย์ข้อมูลอุบัติเหตุ บริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ ซึ่งเป็นข้อมูลฐานเดียว ได้เปิดเผยจำนวนผู้เสียชีวิตในปี 2562 มีจำนวน 17,176 ราย และในปี 2563 มีจำนวน 15,380 รายซึ่งเปรียบเทียบได้ว่าในปีนี้มีแนวโน้มอัตราการเสียชีวิตที่เริ่มลดลงและเริ่มลดลงต่อเนื่องเมื่อเริ่มนับตั้งแต่ปี 2559 ที่อัตราการเสียชีวิตอยู่ที่ประมาณ 22,000 ราย อย่างไรก็ตาม ยังต้องรอข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุขและสำนักงานตำรวจแห่งชาติถึงการสรุปภาพรวมการเสียชีวิตให้ครบเป็นข้อมูลสามฐานอีกครั้ง “ขอขอบคุณหน่วยงานทุกภาคส่วน เครือข่ายอาสาสมัคร กลุ่มจิตอาสา และเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานที่ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการอำนวยความสะดวกและสร้างความปลอดภัยแก่ประชาชนในการเดินทาง ด้วยความทุ่มเท เสียสละ อดทน และเข้มแข็ง เพื่อร่วมกันสร้างความปลอดภัยทางถนนอย่างยั่งยืนต่อไป”นายนิพนธ์กล่าว